โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 341, 343 พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 (1)
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่า คดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่ก่อนสืบพยาน จำเลยขอถอนคำให้การเดิมและให้การใหม่เป็นรับสารภาพ
ระหว่างพิจารณา จำเลยตกลงกับโจทก์โดยโจทก์ยินยอมให้จำเลยชดใช้เงิน 90,000 บาท ซึ่งหากจำเลยชำระเงินให้แก่โจทก์ครบถ้วนแล้ว โจทก์ก็ไม่ติดใจดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและทางอาญาแก่จำเลยและจะขอถอนฟ้อง ต่อมาจำเลยชำระเงิน 90,000 บาท ให้แก่โจทก์ครบถ้วนแล้ว แต่โจทก์ไม่มาศาลและไม่ยื่นคำร้องขอถอนฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 (1) (ที่ถูก มาตรา 14 วรรคหนึ่ง (1)) (ที่แก้ไขใหม่) ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 วรรคหนึ่ง (เดิม) จำเลยกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 การกระทำความผิดแต่ละกรรมเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ลงโทษจำคุกกระทงละ 1 ปี และปรับกระทงละ 20,000 บาท รวม 3 กระทง เป็นจำคุก 3 ปี และปรับ 60,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง (ที่ถูก ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง) ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 ปี 6 เดือน และปรับ 30,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี คุมความประพฤติจำเลยมีกำหนด 1 ปี โดยให้ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 4 ครั้ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำคุกกระทงละ 6 เดือน และปรับกระทงละ 10,000 บาท รวม 3 กระทง ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กระทงละกึ่งหนึ่ง คงจำคุกกระทงละ 3 เดือน และปรับกระทงละ 5,000 บาท รวมจำคุก 9 เดือน และปรับ 15,000 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ได้ความว่า ในระหว่างการพิจารณาคดีของศาลชั้นต้น โจทก์ตกลงกับจำเลยโดยยินยอมให้จำเลยชดใช้เงิน 90,000 บาท ภายใน 4 เดือน นับแต่วันที่ 10 กรกฎาคม 2561 ซึ่งหากจำเลยชำระเงินจำนวนดังกล่าวให้แก่โจทก์ครบถ้วนแล้ว โจทก์จะไม่ติดใจดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและทางอาญาแก่จำเลยและจะขอถอนฟ้อง ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งเลื่อนการนัดฟังคำพิพากษาออกไป 4 เดือน เป็นวันที่ 15 พฤศจิกายน 2561 ตามรายงานกระบวนพิจารณาฉบับลงวันที่ 10 กรกฎาคม 2561 ครั้นเมื่อถึงวันที่ 15 พฤศจิกายน 2561 โจทก์ทราบนัดโดยชอบแล้วไม่มาศาล โดยจำเลยยื่นคำร้องในวันดังกล่าวว่า จำเลยชำระเงิน 90,000 บาท ให้แก่โจทก์ครบถ้วนภายในกำหนดระยะเวลาตามข้อตกลงแล้ว ตามคำร้องของจำเลยฉบับลงวันที่ 15 พฤศจิกายน 2561 พร้อมหลักฐานการชำระเงินแนบท้ายคำร้อง ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งเลื่อนวันนัดไปในวันที่ 21 ธันวาคม 2561 โดยให้ส่งหมายนัดและสำเนาคำร้องของจำเลยฉบับลงวันที่ 15 พฤศจิกายน 2561 ให้แก่โจทก์ โดยระบุในหมายนัดว่าหากโจทก์จะคัดค้านให้คัดค้านก่อนหรือภายในวันนัด มิฉะนั้นถือว่าโจทก์ไม่คัดค้านและรับว่าจำเลยชำระเงินค่าเสียหายให้แก่โจทก์ครบถ้วนตามข้อตกลงแล้ว เมื่อถึงวันนัดวันที่ 21 ธันวาคม 2561 โจทก์ได้รับหมายนัดโดยชอบแล้วไม่มาศาลอีก ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งว่ากรณีถือว่าโจทก์ไม่คัดค้านคำร้องของจำเลยและถือว่าโจทก์ได้รับค่าเสียหายครบถ้วนแล้วตามข้อตกลง ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยและปรับแต่โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ จำเลยอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมาย ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เฉพาะในส่วนโทษจำคุกและโทษปรับของจำเลย จำเลยฎีกา คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยในปัญหาข้อกฎหมายเพียงประการเดียวว่า การกระทำของโจทก์เป็นการเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาตามที่ศาลเห็นสมควรกำหนดไว้เพื่อการนั้นอันถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้องหรือไม่ เห็นว่า การที่ศาลชั้นต้นจดรายการกระบวนพิจารณาในวันนัดวันที่ 15 พฤศจิกายน 2561 โดยให้ส่งหมายนัดให้โจทก์อีกครั้งพร้อมแนบสำเนาคำร้องของจำเลยฉบับลงวันที่ 15 พฤศจิกายน 2561 โดยให้ระบุในหมายนัดว่า หากโจทก์จะคัดค้านให้คัดค้านก่อนหรือภายในวันนัด มิฉะนั้นถือว่าโจทก์ไม่คัดค้าน ถือได้ว่าเป็นกรณีที่ศาลต้องการนัดพร้อมเพื่อให้โจทก์และจำเลยมาศาลเพื่อแถลงร่วมกันเกี่ยวกับการชำระเงินของจำเลยในนัดต่อไป เมื่อโจทก์ไม่มาศาลเพื่อแถลงเกี่ยวกับข้อเท็จจริงดังกล่าวเพื่อศาลจะได้ใช้ดุลพินิจกำหนดโทษจำเลยให้เหมาะสมแก่รูปคดี อันจะทำให้กระบวนพิจารณาดำเนินไปได้อย่างเที่ยงธรรม การละเลยของโจทก์เช่นนี้ถือว่า โจทก์เพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาตามที่ศาลเห็นสมควรกำหนดไว้เพื่อการนั้นแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174 (2) ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้นไม่ชอบ ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความ