โจทก์ฟ้องว่าจำเลยขับรถจักรยานยนต์โดยประมาท เป็นเหตุให้ชนรถจักรยานสามล้อที่นายมัยเป็นผู้ขับขี่และมีนางชิดนั่งมาจนล้มตะแคง นางชิดตกจากรถกลิ้งเข้าไปในทางรถราง พอดีกับนายบุญศรีขับรถรางมาในระยะกระชั้นชิด ไม่สามารถห้ามล้อได้ทัน รถรางจึงชนและครูดร่างกายนางชิดได้รับบาดเจ็บสาหัส ถึงแก่ความตาย ขอให้ลงโทษ
จำเลยต่อสู้ว่า จำเลยไม่ได้ชนรถสามล้อที่นายมัยขับ เหตุเกิดจากความประมาทเลินเล่อของนายมัยผู้ขับขี่รถสามล้อตกลงไปในรางรถรางและรถคว่ำลงไป
ศาลอาญาพิจารณาเห็นว่า การตายมิได้เกิดเพราะนางชิดตกจากรถสามล้อ หากตายเพราะถูกรถรางครูด ความตายจึงไม่ใช่ผลโดยตรงจากการขับรถโดยประมาทของจำเลย และในข้อที่ว่า รถรางจะสามารถห้ามล้อให้หยุดได้ทันหรือไม่นั้น พยานโจทก์ยังมีลักษณะอาจเป็นไปได้ทั้งสองนัยควรยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้เป็นผลดีแก่จำเลย พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า ขณะนางชิดตกจากรถสามล้อกลิ้งอยู่ในรางรถนั้นรถรางยังอยู่ห่าง 4 วา รถรางแล่นมาตามราง แม้ในอัตราไม่เร็วนักก็ยากที่จะหยุดได้ทันเพราะคนขับรถรางคงไม่คาดคิดว่าจะมีคนอยู่ในรางในระยะกระชั้นชิดเช่นนั้น การตายของนางชิดจึงเป็นผลโดยตรงจากความประมาทของจำเลย พิพากษากลับศาลชั้นต้นว่าจำเลยผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 252 และพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2477 มาตรา 29(4), 66 แต่ให้ลงโทษด้วยบทหนัก คือ กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 252 จำคุกจำเลย 1 ปี คำขอให้สั่งถอนใบอนุญาตขับขี่ของจำเลยเห็นว่ายังไม่สมควรสั่งถอน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่า เมื่อจำเลยขับขี่รถของตนเข้าชนรถสามล้อโดยประมาทแล้ว ผู้ตายซึ่งโดยสารมาในรถสามล้อก็ตกกระเด็นลงไปล้มนอนอยู่ที่ทางรถราง พอดีกับรถรางแล่นมาถึงแล้วทับครูดไปในระยะ 1 วา รถรางจึงสามารถหยุดนิ่งได้ ทำให้นางชิดได้รับบาดเจ็บมาก และถึงตายเพราะพิษบาดแผลนั้น โดยรถรางมิได้แล่นมาเร็วผิดธรรมดา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า กรณีเช่นนี้ถือว่า ความตายของนางชิดเป็นผลโดยตรงจากความประมาทของจำเลย แต่คำรับชั้นสอบสวนของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาจึงพิพากษาแก้ศาลอุทธรณ์ โดยให้ลดโทษจำเลย 1 ใน 3 ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 59 คงจำคุกจำเลย 8 เดือน