คดีนี้ เนื่องจากจำเลยหลีกเลี่ยงไม่รับหมายต่าง ๆ ของศาล จนศาลต้องออกหมายจับจำเลย จำเลยได้มาแถลงต่อศาลว่า นายวิชัยทนายจำเลยเป็นผู้แนะนำให้จำเลยหลบหนีไม่รับหมายต่าง ๆ ของศาล ศาลชั้นต้นเห็นว่ามีการละเมิดอำนาจศาลเกิดขึ้น จึงได้ทำการไต่สวนพยานจำเลยที่รู้เห็น แล้วหมายเรียกนายวิชัยทนายจำเลยมาศาล นายวิชัยขอสืบพยานแก้ข้อกล่าวหา ศาลชั้นต้นกำหนดให้นายวิชัยนำพยานมาไต่สวนในวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๐๕ และสั่งให้นายวิชัยมาศาลด้วยตนเองทุกนัดที่มีการนัดไต่ส่วน ครั้นถึงวันนัดไต่สวนนายวิชัยไม่มาศาล ศาลชั้นต้นได้ออกหมายจับนายวิชัยและมีคำสั่งว่า
"เรื่องขัดขืนไม่มาศาล เห็นว่าข้อกำหนดของศาลตามที่ปรากฎในรายงานกระบวนพิจารณาวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๐๕ นั้น นายวิชัยได้ลงลายมือรับทราบคำสั่งศาลแล้วแต่พอถึงวันนัดไต่สวนนัดแรก คือวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๐๕ นายวิชัยไม่มาศาล ทั้งมิได้แจ้งเหตุขัดข้อที่ตนไม่ได้มาศาล เมื่อศาลได้มีคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๙ มีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๓๑(๕)ประกอบมาตรา ๑๙ มีคำสั่งให้ลงโทษจำคุกนายวิชัย ๑ เดือน
เรื่องร่วมกันหลีกเลี่ยงไม่รับหมายต่าง ๆ ของศาล ข้อเท็จจริงฟังได้ว่านายวิชัยได้แนะนำให้จำเลยหลบหนีไปไม่รับหมายต่าง ๆ ของศาล เป็นการยุยงส่งเสริมให้จำเลยกระทำความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล จึงมีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลเสมือนเป็นตัวการด้วย มีคำสั่งว่า จำเลยมีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๓๑(๓) ปรับ ๕๐๐ บาท ส่วนนายวิชัยมีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๓๑(๓) ประกอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๔ จำคุกนายวิชัย ๖ เดือน
นายวิชัยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จะนำมาตรา ๑๙ มาบังคับแก่นายวิชัยหาได้ไม่ การที่นายวิชัยไม่มาศาลในวันนัด ไม่เป็นการขัดขืนไม่มาศาลตามคำสั่งของศาลตามนัยแห่งมาตรา ๑๙ ที่ศาลชั้นต้นกล่าวอ้างมา นายวิชัยยังไม่มีความผิด ส่วนเรื่องร่วมกันหลีกเลี่ยงไม่รับหมายต่าง ๆ ของศาลนั้น ศาลจะฟังคำพยานชั้นไต่สวนลับหลังนายวิชัยย่อมไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๗๒ และ ๑๗๒ ทวิ พิพากษากลับคำสั่งศาลชั้นต้นที่ลงโทษนายวิชัยโดยปล่อยนายวิชัยพ้นข้อหาไป
พนักงานอัยฎีกาขอให้ลงโทษนายวิชัยยืนตามศาลชั้นต้น
ศาลฎีกาเห็นว่า การที่ศาลสั่งให้นายวิชัยมาศาลก็เพื่อดำเนินกระบวนพิจารณาในเรื่องละเมิดอำนาจศาลต่อนายวิชัยโดยเฉพาะ ไม่ใช่ดำเนินกระบวนพิจารณาเกี่ยวกับคดีที่พิพาทกัน และการที่ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาดังกล่าวต่อนายวิชัย ไม่อาจถือได้ว่านายวิชัยเป็นคู่ความกับศาล ศาลฎีกาได้พร้อมกันประชุมใหญ่พิจารณาแล้วเห็นว่า กรณีเรื่องนี้นายวิชัยไม่มีฐานะเป็นคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๙ ฉะนั้น การที่นายวิชัยไม่มาศาลตามคำสั่งของศาล จึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๓๑(๕) ประกอบด้วยมาตรา ๑๙
ศาลฎีกาเห็นต่อไปว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งได้บัญญัติถึงเรื่องละเมิดอำนาจศาล และให้ศาลมีอำนาจสั่งลงโทษผู้กระทำผิดฐานละเมิดอำนาจศาลได้ พึงเห็นได้ว่าให้อำนาจศาลไว้เป็นพิเศษโดยไม่ต้องดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ไม่ต้องมีการสอบสวนโดยพนักงานสอบสวน ไม่ต้องมีโจทก์ยื่นฟ้องต่อศาล เมื่อปรากฎต่อศาลว่าผู้ใดกระทำผิดฐานละเมิดอำนาจศาล ก็ให้ศาลมีอำนาจสั่งลงโทษได้ การปรากฎต่อศาลว่าผู้ใดกระทำละเมิดอำนาจศาลนั้นจะปรากฎโดยผู้นั้นกระทำต่อหน้าศาลหรือปรากฏจากหลักฐานอื่นใด ศาลก็ย่อมสั่งลงโทษได้ในระหว่างที่ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีที่คู่ความพิพาทกัน มีหลักฐานแสดงต่อศาลว่านายวิชัยกระทำผิดฐานละเมิดอำนาจศาล แต่ศาลยังมิได้สั่งลงโทษนายวิชย ศาลยังได้สั่งให้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปเกี่ยวกับเรื่องละเมิดอำนาจศาลโดยเฉพาะอีก และให้โอกาสนายวิชัยที่จะอ้างอิงพยานหลักฐานมาสืบแสดงต่อศาล ครั้นถึงวันนัดนายวิชัยก็ไม่มาศาล และไม่แจ้งเหตุขัดข้องอย่างไร แม้ภายหลังที่ศาลสั่งลงโทษนายวิชัยแล้ว นายวิชัยก็มิได้แจ้งเหตุขัดข้องอย่างไรต่อศาล ซึ่งแสดงว่านายวิชัยจงใจไม่อ้างอิงพยานหลักฐานมาสืบและหลบเลี่ยงการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลในเรื่องละเมิดอำนาจศาล ศาลฎีกาประชุมใหญ่แล้วเห็นว่า ศาลชั้นต้นได้ดำเนินกระบวนพิจารณาในเรื่องนายวิชัยละเมิดอำนาจศาลมาชอบแล้ว และกระบวนพิจารณานั้นรับฟังได้ว่านายวิชัยซึ่งเป็นทนายเป็นผู้ยุยงเสี้ยมสอนให้ตัวความหลบเลี่ยงไม่รับหมายของศาลตลอดมา
การหลีกเลี่ยงไม่รับหมายของศาลเป็นการละเมิดอำนาจศาลตามมาตรา ๓๑(๓)แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง กรณีเรื่องนี้นายวิชัยเป็นต้นคิดและยุยงเสี้ยมสอนให้ตัวความหลบเลี่ยงไม่รับหมายของศาล กรณีเห็นได้ว่าตัวความไม่มีความคิดนึกที่จะกระทำด้วยตนเอง นอกจากทำตามความคิดและเสี้ยมสอนของนายวิชัยซึ่งเป้นทนาย นายวิชัยเป็นต้นตอและเป็นตัวการสำคัญในการกระทำผิดยิ่งกว่าตัวความเองเสียอีก ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๘๔ ก็บัญญัติให้ผู้กระทำการดังกล่าวเป็นตัวการในความผิดนั้น ๆ ด้วย ซึ่งมาตรา ๑๗ แห่งประมวลกฎหมายอาญา ก็บัญญัติให้ใช้ในกรณีความผิดตามกฎหมายอื่นด้วย เว้นแต่กฎหมายนั้น ๆ จะบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น บทบัญญัติความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลก็มิได้แสดงว่าบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น ศาลฎีกาประชุมใหญ่แล้วเห็นว่า นายวิชัยมีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๓๑(๓)
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ว่านายวิชัยมีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๓๑(๓),๓๓ ให้จำคุก ๖ เดือน นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามศาลอุทธรณ์