คดีนี้โจทก์ฟ้องบังคับจำนองต่อศาลแพ่ง ชนะคดีแล้วนำยึดที่ดินจำนองเพื่อขายทอดตลาด โดยศาลแพ่งมอบให้ศาลจังหวัดระยองดำเนินการแทน ได้ทำการขายทอดตลาดครั้งแรกเมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๑๖ แต่ศาลจังหวัดระยองเห็นว่าผู้เข้าสู้ราคาให้ราคาต่ำ จึงสั่งให้ประกาศขายทอดตลาดใหม่ เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ทำการขายทอดตลาดอีกครั้งเมื่อวันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๗ และได้รายงานต่อศาลจังหวัดระยองว่า ผู้แทนโจทก์มาศาล ส่วนจำเลยไม่มา แต่มอบให้นางวรรณี ช้อนทอง มาสู้ราคาแทน เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงทำการขายทอดตลาดไป มีผู้เข้าสู้ราคา ๕ คน ปรากฏว่านางวรรณีให้ราคา ๓๐๐,๐๐๐ บาท ซึ่งเป็นราคาสูงสุด นายชาลี ศรีประศาสน์ ให้ราคารองลงมาเป็นเงิน ๒๑๑,๐๐๐ บาท เจ้าพนักงานบังคับคดีเห็นว่าราคาที่ผู้เข้าสู้ราคาให้นี้เป็นราคาสูงกว่าประเมิน สมควรขายได้ จึงขอให้ศาลจังหวัดระยองมีคำสั่ง ศาลจังหวัดระยองได้มีคำสั่งในวันนั้นเองว่า "อนุญาตให้ขายแก่นางวรรณี ช้อนทอง ในราคา ๓๐๐,๐๐๐ บาท โดยให้นางวรรณีวางเงินมัดจำ ๒๕% ของราคาขายภายในวันนี้ในเวลาราชการ หากนางวรรณีไม่นำเงินมาวางมัดจำในเวลาดังกล่าว ก็เป็นอันยกเลิกไม่ขายให้แก่นางวรรณี และให้ขายแก่ผู้ให้ราคาสูงคนถัดไป (นายชาลี) และให้นายชาลีนำเงินมัดจำวางมาภายในวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๖ (วันที่ ๒๓,๒๔ กุมภาพันธ์ เป็นวันเสาร์และวันอาทิตย์)"
ในวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๗ นั้น นางวรรณีได้ยื่นคำแถลงต่อศาลจังหวัดระยองว่า ผู้แถลงในฐานะผู้รับมอบอำนาจจากจำเลยขอผัดวางเงินต่อศาลภายใน ๑๐ วันนับแต่วันนี้ ศาลจังหวัดระยองมีคำสั่งในวันเดียวกันว่า "ตามพฤติการณ์ไม่มีเหตุที่จะขยายเวลาวางเงินไปได้ จึงให้ยกคำร้อง"
ครั้นถึงวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๗ นายชาลีได้นำเงินค่าซื้อทรัพย์ร้อยละ ๒๕ เป็นเงิน ๕๒,๕๐๐ บาทวางต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีและทำสัญญาซื้อขายที่ดินแปลงนี้ในราคา ๒๑๑,๐๐๐ บาท จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง ขอให้อนุญาตจำเลยนำเงินมาวางศาลภายใน ๑๐ วัน โดยให้ยกเลิกคำสั่งศาลจังหวัดระยองที่ขายทรัพย์แก่นายชาลีเสีย
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๕๑๔ อันเป็นบทว่าด้วยการขายทอดตลาดบัญญัติว่า "ผู้สู้ราคาย่อมพ้นความผูกพันในราคาซึ่งตนสู้แต่ขณะเมื่อมีผู้อื่นสู้ราคาสูงขึ้นไป ไม่ว่าการที่ผู้อื่นสู้นั้นจะสมบูรณ์หรือมิสมบูรณ์ประการใด ฯลฯ" กรณีนี้เมื่อนายชาลีสู้ถึงราคา ๒๑๑,๐๐๐ บาท นางวรรณี ช้อนทอง สู้ราคาสูงขึ้นไปเป็น ๓๐๐,๐๐๐ บาท นายชาลีย่อมพ้นจากความผูกพันในราคา ๒๑๑,๐๐๐ บาทนั้นแล้ว และในการขายทอดตลาดที่ดินรายนี้กำหนดเงื่อนไขให้ผู้ซื้อต้องวางเงินมัดจำร้อยละ ๒๕ ของราคาทรัพย์ในเมื่อตกลงราคาแล้ว เมื่อนางวรรณีไม่ชำระราคาตามเวลาที่กำหนดไว้ในคำโฆษณาบอกขายและศาลจังหวัดระยองไม่อนุญาตให้ผัดการวางเงินออกไปอีก นางวรรณีจึงเป็นผู้สู้ราคาสูงสุดได้ละเลยเสียไม่ใช้ราคา ศาลจังหวัดระยองผู้ดำเนินการขายทอดตลาดจะต้องเอาทรัพย์สินนั้นออกขายอีกซ้ำหนึ่งตามมาตรา ๕๑๖ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ถ้าและได้เงินเป็นจำนวนสุทธิไม่คุ้มราคาและค่าขายทอดตลาดชั้นเดิม จำเลยโดยนางวรรณีผู้รับมอบอำนาจจะต้องรับผิดในส่วนที่ขาดนั้น ฉะนั้น การที่ศาลจังหวัดระยองมีคำสั่งให้ขายทรัพย์รายนี้ให้แก่นายชาลีผู้ให้ราคาสูงคนถัดไป โดยมิได้ขายทอดตลาดใหม่ จึงไม่ชอบด้วยบทบัญญัติดังกล่าว จำเลยมีสิทธิที่จะขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดนั้นเสียได้
พิพากษากลับให้ศาลจังหวัดระยองดำเนินการขายทอดตลาดใหม่.