โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยคืนเงินค่าปรับ 6,388,850 บาท แก่โจทก์ ขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 6,388,850 บาท ให้แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวนดังกล่าวนับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระหนี้ให้แก่โจทก์เสร็จสิ้น
จำเลยให้การและแก้ไขคำให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา โดยได้รับอนุญาตให้ฎีกาจากศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2556 จำเลยทำสัญญาว่าจ้างโจทก์ให้ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัย ดูแลความสงบเรียบร้อย ป้องกันการโจรกรรม การก่อวินาศกรรม อัคคีภัย และการกระทำใด ๆ ที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสถานที่ ทรัพย์สินและบุคคลของจำเลย หรือต่อชีวิต ทรัพย์สินของพนักงานของจำเลย หรือต่อบุคคลภายนอกที่เข้ามาติดต่องานกับจำเลย รวมทั้งจัดการจราจร ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในการประกอบกิจการของจำเลย มีกำหนดระยะเวลา 2 ปี นับแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2556 ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2558 จำเลยตกลงให้โจทก์จัดพนักงานรักษาความปลอดภัยมาปฏิบัติหน้าที่ประจำ ณ สถานประกอบกิจการของจำเลย ในการทำงานตามสัญญาจ้างมีการจัดทำใบลงเวลาการปฏิบัติงานสำหรับพนักงานรักษาความปลอดภัยของโจทก์ โดยตั้งแต่เดือนเมษายน 2557 ถึงวันที่ 11 กันยายน 2558 จำเลยชำระค่าจ้างให้แก่โจทก์โดยหักค่าปรับคิดเป็นค่าปรับทั้งสิ้น 8,189,800 บาท
คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ประเด็นแรกว่า ศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัยประเด็นว่า จำเลยคิดค่าปรับไม่ถูกต้อง และขอให้คืนเงินในส่วนที่หักค่าปรับไปเกินความเป็นจริง เป็นการไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยคำพิพากษาหรือไม่ เห็นว่า ศาลอุทธรณ์ได้ตั้งประเด็นปัญหาและวินิจฉัยประเด็นดังกล่าวไว้แล้ว ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์หน้าที่ 48 บรรทัดที่ 9 ว่า"... ที่โจทก์อ้างว่าจำเลยคิดค่าปรับไม่ถูกต้องและคิดเกินกว่ากำหนดในสัญญาจ้างนั้น เห็นว่า..." ฎีกาของโจทก์ในประเด็นนี้ฟังไม่ขึ้น
ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ประเด็นที่สองมีว่า จำเลยคิดค่าปรับโจทก์ถูกต้องหรือไม่ โจทก์มีนายปรีชา ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการของโจทก์ มาเบิกความเป็นพยานว่า จำเลยค้างค่าจ้างโจทก์ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2556 ถึงเดือนมีนาคม 2557 ต่อมาเดือนเมษายน 2557 จำเลยจึงจ่ายค่าจ้างให้โจทก์แต่ไม่ครบตามสัญญา เนื่องจากมีการหักค่าปรับออกจากเงินค่าจ้าง ประมาณเดือนเมษายน 2557 โจทก์ไปพบพนักงานของจำเลย เพื่อขอตรวจสอบเอกสาร พนักงานของจำเลยได้มอบกล่องเอกสารซึ่งมีใบลงเวลาการทำงานของโจทก์บรรจุอยู่ในกล่องดังกล่าวให้พยานตรวจสอบ โดยมีรายละเอียดดังนี้ เดือนสิงหาคม 2556 จำเลยคิดค่าปรับอ้างว่า พนักงานรักษาความปลอดภัยของโจทก์ลงชื่อไม่ทัน ไม่มาปฏิบัติหน้าที่ สาขาบางเขน 90 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 90,000 บาท สาขานางเลิ้ง 17 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 17,000 บาท สาขาประชาชื่น 26 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 26,000 บาท และส่งตารางเวรล่าช้า 113 วัน คิดค่าปรับวันละ 1,000 บาท รวม 113,000 บาท รวมเป็นค่าปรับ 246,000 บาท แต่โจทก์ตรวจสอบพบว่า จำเลยคิดค่าปรับไม่ถูกต้อง ได้แก่ กรณีการส่งตารางเวรล่าช้าเพราะโจทก์ได้ส่งตารางเวรให้แก่จำเลยตั้งแต่วันที่ 2 สิงหาคม 2556 ล่าช้าไป 1 วัน โจทก์พบว่ากรณีลงชื่อไม่ทันที่สาขาบางเขน 81 ผลัด สาขานางเลิ้ง 3 ผลัด และสาขาประชาชื่น 6 ผลัด ไม่ตรงกับที่จำเลยอ้าง เดือนกันยายน 2556 จำเลยคิดค่าปรับอ้างว่า โจทก์ส่งตารางเวรล่าช้า 81 วัน คิดค่าปรับวันละ 1,000 บาท รวม 81,000 บาท พนักงานรักษาความปลอดภัยลงชื่อไม่ทัน ไม่มาปฏิบัติหน้าที่ สาขาบางเขน 51 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 51,000 บาท สาขานางเลิ้ง 34 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 34,000 บาท สาขาประชาชื่น 33 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 33,000 บาท พนักงานรักษาความปลอดภัยละทิ้งจุด สาขาประชาชื่น 2 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 2,000 บาท รวมเป็นค่าปรับ 201,000 บาท แต่โจทก์ตรวจสอบพบว่าจำเลยคิดค่าปรับไม่ถูกต้อง สำหรับตารางเวรพบว่าโจทก์ได้ส่งตารางเวรให้จำเลยตั้งแต่วันที่ 26 สิงหาคม 2556 ส่วนพนักงานรักษาความปลอดภัยลงชื่อไม่ทัน ไม่มาปฏิบัติหน้าที่ พบว่า สาขาบางเขน 39 ผลัด สาขานางเลิ้ง 9 ผลัด สาขาประชาชื่น 2 ผลัด และมีพนักงานรักษาความปลอดภัยละทิ้งจุด สาขาประชาชื่น 2 ผลัด เดือนตุลาคม 2556 จำเลยคิดค่าปรับอ้างว่าโจทก์ส่งตารางเวรล่าช้า 51 วัน คิดค่าปรับวันละ 1,000 บาท รวม 51,000 บาท พนักงานรักษาความปลอดภัยลงชื่อไม่ทัน ไม่มาปฏิบัติหน้าที่ สาขาบางเขน 114 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 144,000 บาท สาขานางเลิ้ง 37 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 37,000 บาท สาขาประชาชื่น 20 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 20,000 บาท พนักงานรักษาความปลอดภัยละทิ้งจุด สาขาบางเขน 1 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 1,000 บาท รวมเป็นค่าปรับ 223,000 บาท แต่โจทก์ตรวจสอบพบว่า จำเลยคิดค่าปรับไม่ถูกต้อง สำหรับตารางเวรโจทก์ได้ส่งตารางเวรให้จำเลยตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน 2556 ส่วนพนักงานรักษาความปลอดภัยลงชื่อไม่ทัน ไม่มาปฏิบัติหน้าที่ พบว่า สาขาบางเขน 67 ผลัด สาขานางเลิ้ง 6 ผลัด สาขาประชาชื่น 3 ผลัด และโจทก์ไม่ได้รับแจ้งว่าพนักงานรักษาความปลอดภัยละทิ้งจุด สาขาบางเขน เดือนพฤศจิกายน 2556 จำเลยคิดค่าปรับอ้างว่าโจทก์ส่งตารางเวรล่าช้า 20 วัน คิดค่าปรับวันละ 1,000 บาท รวม 20,000 บาท พนักงานรักษาความปลอดภัยลงชื่อไม่ทัน ไม่มาปฏิบัติหน้าที่ สาขาบางเขน 150 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 150,000 บาท สาขานางเลิ้ง 66 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 66,000 บาท สาขาประชาชื่น 43 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 43,000 บาท รวมเป็นค่าปรับ 279,000 บาท แต่โจทก์ตรวจสอบพบว่า จำเลยคิดค่าปรับไม่ถูกต้อง สำหรับตารางเวรโจทก์ได้ส่งตารางเวรให้จำเลยตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม 2556 ส่วนพนักงานรักษาความปลอดภัยลงชื่อไม่ทัน ไม่มาปฏิบัติหน้าที่ พบว่า สาขาบางเขน 69 ผลัด สาขานางเลิ้ง 14 ผลัด สาขาประชาชื่น 4 ผลัด เดือนธันวาคม 2556 จำเลยคิดค่าปรับอ้างว่า พนักงานรักษาความปลอดภัยลงชื่อไม่ทัน ไม่มาปฏิบัติหน้าที่ สาขาบางเขน 34 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 34,000 บาท สาขานางเลิ้ง 59 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 59,000 บาท สาขาประชาชื่น 43 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 43,000 บาท พนักงานรักษาความปลอดภัยละทิ้งจุด สาขาประชาชื่น 9 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 9,000 บาท รวมเป็นค่าปรับ 145,000 บาท แต่โจทก์ตรวจสอบพบว่า จำเลยคิดค่าปรับไม่ถูกต้อง โดยมีพนักงานรักษาความปลอดภัยลงชื่อไม่ทัน ไม่มาปฏิบัติหน้าที่ สาขาบางเขน 8 ผลัด สาขานางเลิ้ง 14 ผลัด สาขาประชาชื่น 8 ผลัด และมีพนักงานรักษาความปลอดภัยละทิ้งจุด สาขาประชาชื่น 2 ผลัด เดือนมกราคม 2557 จำเลยคิดค่าปรับอ้างว่า พนักงานรักษาความปลอดภัยลงชื่อไม่ทัน ไม่มาปฏิบัติหน้าที่ สาขาบางเขน 122 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 122,000 บาท สาขานางเลิ้ง 105 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 105,000 บาท สาขาประชาชื่น 68 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 68,000 บาท พนักงานรักษาความปลอดภัยละทิ้งจุด สาขาประชาชื่น 1 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 1,000 บาท รวมเป็นค่าปรับ 296,000 บาท แต่โจทก์ตรวจสอบพบว่า จำเลยคิดค่าปรับไม่ถูกต้อง โดยมีพนักงานรักษาความปลอดภัยลงชื่อไม่ทัน ไม่มาปฏิบัติหน้าที่ สาขาบางเขน 41 ผลัด สาขานางเลิ้ง 28 ผลัด สาขาประชาชื่น 16 ผลัด และมีพนักงานรักษาความปลอดภัยละทิ้งจุด สาขาประชาชื่น 1 ผลัด เดือนกุมภาพันธ์ 2557 จำเลยคิดค่าปรับอ้างว่า พนักงานรักษาความปลอดภัยลงชื่อไม่ทัน ไม่มาปฏิบัติหน้าที่ สาขาบางเขน 136 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 136,000 บาท สาขานางเลิ้ง 86 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 86,000 บาท สาขาประชาชื่น 51 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 51,000 บาท พนักงานรักษาความปลอดภัยไม่มารวมแถว สาขานางเลิ้ง 7 คน คิดค่าปรับคนละ 500 บาท รวม 3,500 บาท รวมเป็นค่าปรับ 276,500 บาท แต่โจทก์ตรวจสอบพบว่า จำเลยคิดค่าปรับไม่ถูกต้อง โดยมีพนักงานรักษาความปลอดภัยลงชื่อไม่ทัน ไม่มาปฏิบัติหน้าที่ สาขาบางเขน 38 ผลัด สาขานางเลิ้ง 10 ผลัด สาขาประชาชื่น 4 ผลัด และพนักงานรักษาความปลอดภัยไม่มารวมแถว สาขานางเลิ้ง 7 คน เดือนมีนาคม 2557 จำเลยคิดค่าปรับอ้างว่า พนักงานรักษาความปลอดภัยไม่มารวมแถว สาขาบางเขน 8 คน คิดค่าปรับคนละ 500 บาท รวม 4,000 บาท ลงชื่อไม่ทัน ไม่มาปฏิบัติหน้าที่ สาขาบางเขน 130 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 130,000 บาท สาขานางเลิ้ง 25 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 25,000 บาท สาขาประชาชื่น 53 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 53,000 บาท พนักงานรักษาความปลอดภัยละทิ้งจุด สาขาบางเขน 6 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 6,000 บาท สาขาประชาชื่น 1 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 1,000 บาท รวมเป็นค่าปรับ 219,000 บาท แต่โจทก์ตรวจสอบ พบว่า จำเลยคิดค่าปรับไม่ถูกต้อง โดยมีพนักงานรักษาความปลอดภัยไม่มารวมแถว สาขาบางเขน 8 คน ลงชื่อไม่ทัน ไม่มาปฏิบัติหน้าที่ สาขาบางเขน 33 ผลัด สาขานางเลิ้ง 5 ผลัด สาขาประชาชื่น 6 ผลัด และมีพนักงานรักษาความปลอดภัยละทิ้งจุด สาขาบางเขน 6 ผลัด สาขาประชาชื่น 1 ผลัด เดือนเมษายน 2557 จำเลยคิดค่าปรับอ้างว่า พนักงานรักษาความปลอดภัยไม่มารวมแถว สาขาบางเขน 14 คน คิดค่าปรับคนละ 500 บาท รวม 7,000 บาท ไม่ทำประวัติส่ง สาขาบางเขน 39 คน คิดค่าปรับคนละ 1,000 บาท รวม 39,000 บาท สาขานางเลิ้ง 35 คน คิดค่าปรับคนละ 1,000 บาท รวม 35,000 บาท สาขาประชาชื่น 4 คน คิดค่าปรับคนละ 1,000 บาท รวม 4,000 บาท ไม่ส่งผลตรวจประวัติอาชญากร สาขาบางเขน 7 คน คิดค่าปรับคนละ 1,000 บาท รวม 7,000 บาท สาขานางเลิ้ง 10 คน คิดค่าปรับคนละ 1,000 บาท รวม 10,000 บาท สาขาประชาชื่น 97 คน คิดค่าปรับคนละ 1,000 บาท รวม 97,000 บาท พนักงานรักษาความปลอดภัยลงชื่อไม่ทัน ไม่มาปฏิบัติหน้าที่ สาขาบางเขน 188 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 188,000 บาท สาขานางเลิ้ง 107 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 107,000 บาท สาขาประชาชื่น 44 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 44,000 บาท พนักงานรักษาความปลอดภัยละทิ้งจุด เสพสุรา สาขาบางเขน 5 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 5,000 บาท พนักงานรักษาความปลอดภัยไม่สแกนจุดตรวจ สาขาบางเขน 4 จุด คิดค่าปรับจุดละ 100 บาท รวม 400 บาท รวมเป็นค่าปรับ 543,400 บาท แต่โจทก์ตรวจสอบพบว่า จำเลยคิดค่าปรับไม่ถูกต้อง โดยโจทก์ได้ส่งประวัติและผลการตรวจประวัติอาชญากรของพนักงานรักษาความปลอดภัยให้แก่จำเลยเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2556 เนื่องจากตามสัญญาจ้างทำขึ้นวันที่ 31 กรกฎาคม 2556 และให้ปฏิบัติตามสัญญาในวันที่ 1 สิงหาคม 2556 เป็นต้นไป ดังนั้น โจทก์จึงมีระยะเวลาไม่เพียงพอที่จะส่งประวัติและผลการตรวจประวัติอาชญากรของพนักงานรักษาความปลอดภัยไปให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อพิจารณา เป็นเหตุให้โจทก์นำเลขบัตรประจำตัวประชาชนของพนักงานรักษาความปลอดภัยไปตรวจสอบที่สถานีตำรวจนครบาลในกรุงเทพมหานครและโจทก์แจ้งเรื่องดังกล่าวให้จำเลยทราบ ซึ่งจำเลยตกลงยินยอมให้โจทก์ตรวจสอบประวัติและผลการตรวจประวัติอาชญากรของพนักงานรักษาความปลอดภัยเบื้องต้นที่สถานีตำรวจนครบาลในกรุงเทพมหานครก่อน ต่อมาเมื่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบประวัติอาชญากรของพนักงานรักษาความปลอดภัยแล้ว สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะแจ้งผลการตรวจสอบโดยให้โจทก์ไปรับเอกสารการตรวจสอบเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2557 จากนั้นวันที่ 27 สิงหาคม 2557 โจทก์ส่งเอกสารการตรวจประวัติอาชญากรของสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้แก่จำเลย โดยในระหว่างสัญญามีพนักงานรักษาความปลอดภัยลาออกและมีพนักงานรักษาความปลอดภัยคนใหม่มาปฏิบัติหน้าที่แทน ซึ่งโจทก์ได้ตรวจสอบประวัติของพนักงานรักษาความปลอดภัยคนใหม่และนำส่งประวัติและผลการตรวจประวัติอาชญากรของพนักงานรักษาความปลอดภัยคนใหม่ให้แก่จำเลยทุกครั้ง และโจทก์ตรวจสอบพบว่า มีพนักงานรักษาความปลอดภัยไม่มารวมแถว สาขาบางเขน 14 คน ลงชื่อไม่ทัน ไม่มาปฏิบัติหน้าที่ สาขาบางเขน 59 ผลัด สาขานางเลิ้ง 44 ผลัด สาขาประชาชื่น 7 ผลัด และไม่มีพนักงานรักษาความปลอดภัยละทิ้งจุด เสพสุรา สาขาบางเขน แต่โจทก์ได้รับแจ้งว่า พนักงานไม่สแกนจุดตรวจ สาขาบางเขน 4 จุด เดือนพฤษภาคม 2557 จำเลยคิดค่าปรับอ้างว่า พนักงานรักษาความปลอดภัยไม่มารวมแถว สาขาบางเขน 1 คน คิดค่าปรับคนละ 500 บาท รวม 500 บาท ไม่ทำประวัติส่ง สาขาบางเขน 9 คน คิดค่าปรับคนละ 1,000 บาท รวม 9,000 บาท สาขานางเลิ้ง 33 คน คิดค่าปรับคนละ 1,000 บาท รวม 33,000 บาท สาขาประชาชื่น 35 คน คิดค่าปรับคนละ 1,000 บาท รวม 35,000 บาท ไม่ส่งผลตรวจประวัติอาชญากร สาขาบางเขน 30 คน คิดค่าปรับคนละ 1,000 บาท รวม 30,000 บาท สาขานางเลิ้ง 58 คน คิดค่าปรับคนละ 1,000 บาท รวม 58,000 บาท สาขาประชาชื่น 95 คน คิดค่าปรับคนละ 1,000 บาท รวม 95,000 บาท พนักงานรักษาความปลอดภัยลงชื่อไม่ทัน ไม่มาปฏิบัติหน้าที่ สาขาบางเขน 137 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 137,000 บาท สาขานางเลิ้ง 97 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 97,000 บาท สาขาประชาชื่น 39 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 39,000 บาท พนักงานรักษาความปลอดภัยละทิ้งจุด สาขาบางเขน 15 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 15,000 บาท รวมเป็นค่าปรับ 548,500 บาท แต่โจทก์ตรวจสอบพบว่า จำเลยคิดค่าปรับไม่ถูกต้อง โดยมีพนักงานรักษาความปลอดภัยไม่มารวมแถว สาขาบางเขน 1 คน เดือนกรกฎาคม 2557 จำเลยคิดค่าปรับอ้างว่า พนักงานรักษาความปลอดภัยไม่มารวมแถว สาขานางเลิ้ง 7 คน คิดค่าปรับคนละ 500 บาท รวม 3,500 บาท สาขาประชาชื่น 1 คน เป็นเงิน 500 บาท ไม่ทำประวัติส่งสาขาบางเขน 27 คน คิดค่าปรับคนละ 1,000 บาท รวม 27,000 บาท สาขานางเลิ้ง 98 คน คิดค่าปรับคนละ 1,000 บาท รวม 98,000 บาท สาขาประชาชื่น 93 คน คิดค่าปรับคนละ 1,000 บาท รวม 93,000 บาท ไม่ส่งผลตรวจประวัติอาชญากร สาขาบางเขน 43 คน คิดค่าปรับคนละ 1,000 บาท รวม 43,000 บาท สาขานางเลิ้ง 60 คน คิดค่าปรับคนละ 1,000 บาท รวม 60,000 บาท สาขาประชาชื่น 92 คน คิดค่าปรับคนละ 1,000 บาท รวม 92,000 บาท พนักงานรักษาความปลอดภัยลงชื่อไม่ทัน ไม่มาปฏิบัติหน้าที่ สาขาบางเขน 77 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 77,000 บาท สาขานางเลิ้ง 58 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 58,000 บาท สาขาประชาชื่น 5 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 5,000 บาท พนักงานรักษาความปลอดภัยละทิ้งจุด สาขาบางเขน 7 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 7,000 บาท รวมเป็นค่าปรับ 564,000 บาท แต่โจทก์ตรวจสอบพบว่า จำเลยคิดค่าปรับไม่ถูกต้อง โดยไม่มีพนักงานรักษาความปลอดภัยไม่มารวมแถว โจทก์นำส่งประวัติและผลตรวจประวัติอาชญากรครบถ้วน มีพนักงานรักษาความปลอดภัยลงชื่อไม่ทัน ไม่มาปฏิบัติหน้าที่ สาขาบางเขน 54 ผลัด สาขานางเลิ้ง 44 ผลัด สาขาประชาชื่น 2 ผลัด และโจทก์ไม่ได้รับแจ้งการละทิ้งจุด สาขาบางเขน เดือนสิงหาคม 2557 จำเลยคิดค่าปรับอ้างว่า พนักงานรักษาความปลอดภัยไม่มารวมแถว สาขานางเลิ้ง 2 คน คิดค่าปรับคนละ 500 บาท รวม 1,000 บาท สาขาประชาชื่น 3 คน ปรับคนละ 500 บาท รวม 1,500 บาท ไม่ทำประวัติส่ง สาขาบางเขน 58 คน คิดค่าปรับคนละ 1,000 บาท รวม 58,000 บาท สาขานางเลิ้ง 110 คน คิดค่าปรับคนละ 1,000 บาท รวม 110,000 บาท สาขาประชาชื่น 92 คน คิดค่าปรับคนละ 1,000 บาท รวม 92,000 บาท ไม่ส่งผลตรวจประวัติอาชญากร สาขานางเลิ้ง 62 คน คิดค่าปรับคนละ 1,000 บาท รวม 62,000 บาท สาขาประชาชื่น 120 คน คิดค่าปรับคนละ 1,000 บาท รวม 120,000 บาท พนักงานรักษาความปลอดภัยลงชื่อไม่ทัน ไม่มาปฏิบัติหน้าที่ สาขาบางเขน 89 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 89,000 บาท สาขานางเลิ้ง 91 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 91,000 บาท สาขาประชาชื่น 13 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 13,000 บาท รวมเป็นค่าปรับ 637,500 บาท แต่โจทก์ตรวจสอบพบว่า จำเลยคิดค่าปรับไม่ถูกต้อง โดยไม่มีพนักงานรักษาความปลอดภัยไม่มารวมแถว สาขานางเลิ้งและสาขาประชาชื่น โจทก์นำส่งประวัติและผลตรวจประวัติอาชญากรครบถ้วน มีพนักงานรักษาความปลอดภัยลงชื่อไม่ทัน ไม่มาปฏิบัติหน้าที่ สาขาบางเขน 85 ผลัด สาขานางเลิ้ง 78 ผลัด สาขาประชาชื่น 1 ผลัด เดือนกันยายน 2557 จำเลยคิดค่าปรับอ้างว่า พนักงานรักษาความปลอดภัยไม่มารวมแถว สาขานางเลิ้ง 7 คน คิดค่าปรับคนละ 500 บาท รวม 3,500 บาท สาขาประชาชื่น 12 คน ปรับคนละ 500 บาท รวม 6,000 บาท ไม่ทำประวัติส่ง สาขาบางเขน 56 คน คิดค่าปรับคนละ 1,000 บาท รวม 56,000 บาท สาขานางเลิ้ง 52 คน คิดค่าปรับคนละ 1,000 บาท รวม 52,000 บาท สาขาประชาชื่น 66 คน คิดค่าปรับคนละ 1,000 บาท รวม 66,000 บาท ไม่ส่งผลตรวจประวัติอาชญากร สาขาบางเขน 21 คน ปรับคนละ 1,000 บาท รวม 21,000 บาท สาขานางเลิ้ง 56 คน คิดค่าปรับคนละ 1,000 บาท รวม 56,000 บาท สาขาประชาชื่น 60 คน คิดค่าปรับคนละ 1,000 บาท รวม 60,000 บาท พนักงานรักษาความปลอดภัยลงชื่อไม่ทัน ไม่มาปฏิบัติหน้าที่ สาขาบางเขน 193 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 193,000 บาท สาขานางเลิ้ง 78 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 78,000 บาท สาขาประชาชื่น 26 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 26,000 บาท รวมเป็นค่าปรับ 617,500 บาท แต่โจทก์ตรวจสอบพบว่า จำเลยคิดค่าปรับไม่ถูกต้อง โดยไม่มีพนักงานรักษาความปลอดภัยไม่มารวมแถว สาขานางเลิ้งและสาขาประชาชื่น โจทก์นำส่งประวัติและผลตรวจประวัติอาชญากรครบถ้วน มีพนักงานรักษาความปลอดภัยลงชื่อไม่ทัน ไม่มาปฏิบัติหน้าที่ สาขาบางเขน 167 ผลัด สาขานางเลิ้ง 52 ผลัด สาขาประชาชื่น 3 ผลัด เดือนตุลาคม 2557 จำเลยคิดค่าปรับอ้างว่า พนักงานรักษาความปลอดภัยไม่มารวมแถว สาขาบางเขน 1 คน ค่าปรับคนละ 500 บาท รวม 500 บาท สาขานางเลิ้ง 8 คน คิดค่าปรับคนละ 500 บาท รวม 4,000 บาท สาขาประชาชื่น 2 คน ปรับคนละ 500 บาท รวม 1,000 บาท ไม่ทำประวัติส่ง สาขาบางเขน 54 คน คิดค่าปรับคนละ 1,000 บาท รวม 54,000 บาท สาขานางเลิ้ง 29 คน คิดค่าปรับคนละ 1,000 บาท รวม 29,000 บาท สาขาประชาชื่น 31 คน คิดค่าปรับคนละ 1,000 บาท รวม 31,000 บาท ไม่ส่งผลตรวจประวัติอาชญากร สาขาบางเขน 4 คน ปรับคนละ 1,000 บาท รวม 4,000 บาท สาขานางเลิ้ง 55 คน คิดค่าปรับคนละ 1,000 บาท รวม 55,000 บาท สาขาประชาชื่น 58 คน คิดค่าปรับคนละ 1,000 บาท รวม 58,000 บาท พนักงานรักษาความปลอดภัยลงชื่อไม่ทัน ไม่มาปฏิบัติหน้าที่ สาขาบางเขน 61 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 61,000 บาท สาขานางเลิ้ง 47 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 47,000 บาท สาขาประชาชื่น 20 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 20,000 บาท ละทิ้งจุด สาขาบางเขน 1 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 1,000 บาท รวมเป็นค่าปรับ 365,500 บาท แต่โจทก์ตรวจสอบพบว่า จำเลยคิดค่าปรับไม่ถูกต้อง โดยไม่มีพนักงานรักษาความปลอดภัยไม่มารวมแถว สาขานางเลิ้งและสาขาประชาชื่น โจทก์นำส่งประวัติและผลตรวจประวัติอาชญากรครบถ้วน มีพนักงานรักษาความปลอดภัยลงชื่อไม่ทัน ไม่มาปฏิบัติหน้าที่ สาขาบางเขน 61 ผลัด สาขานางเลิ้ง 32 ผลัด สาขาประชาชื่น 1 ผลัด และโจทก์ไม่ได้รับแจ้งการละทิ้งจุด สาขาบางเขน เดือนพฤศจิกายน 2557 จำเลยคิดค่าปรับอ้างว่า พนักงานรักษาความปลอดภัยไม่มารวมแถว สาขาประชาชื่น 5 คน ปรับคนละ 500 บาท รวม 2,500 บาท ไม่ทำประวัติส่ง สาขาบางเขน 51 คน คิดค่าปรับคนละ 1,000 บาท รวม 51,000 บาท สาขานางเลิ้ง 3 คน คิดค่าปรับคนละ 1,000 บาท รวม 3,000 บาท สาขาประชาชื่น 51 คน คิดค่าปรับคนละ 1,000 บาท รวม 51,000 บาท ไม่ส่งผลตรวจประวัติอาชญากร สาขาบางเขน 30 คน ปรับคนละ 1,000 บาท รวม 30,000 บาท สาขาประชาชื่น 60 คน คิดค่าปรับคนละ 1,000 บาท รวม 60,000 บาท พนักงานรักษาความปลอดภัยลงชื่อไม่ทัน ไม่มาปฏิบัติหน้าที่ สาขาบางเขน 34 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 34,000 บาท สาขานางเลิ้ง 43 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 43,000 บาท สาขาประชาชื่น 27 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 27,000 บาท รวมเป็นค่าปรับ 301,500 บาท แต่โจทก์ตรวจสอบพบว่า จำเลยคิดค่าปรับไม่ถูกต้อง โดยไม่มีพนักงานรักษาความปลอดภัยไม่มารวมแถว สาขานางเลิ้งและสาขาประชาชื่น โจทก์นำส่งประวัติและผลตรวจประวัติอาชญากรครบถ้วน มีพนักงานรักษาความปลอดภัยลงชื่อไม่ทัน ไม่มาปฏิบัติหน้าที่ สาขาบางเขน 34 ผลัด สาขานางเลิ้ง 21 ผลัด เดือนธันวาคม 2557 จำเลยคิดค่าปรับอ้างว่า พนักงานรักษาความปลอดภัยไม่มารวมแถว สาขาประชาชื่น 4 คน ปรับคนละ 500 บาท รวม 2,000 บาท สาขานางเลิ้ง 3 คน คิดค่าปรับคนละ 500 บาท รวม 1,500 บาท ไม่ทำประวัติส่ง สาขาบางเขน 30 คน คิดค่าปรับคนละ 1,000 บาท รวม 30,000 บาท สาขานางเลิ้ง 5 คน คิดค่าปรับคนละ 1,000 บาท รวม 5,000 บาท สาขาประชาชื่น 67 คน คิดค่าปรับคนละ 1,000 บาท รวม 67,000 บาท พนักงานรักษาความปลอดภัยลงชื่อไม่ทัน ไม่มาปฏิบัติหน้าที่ สาขาบางเขน 85 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 85,000 บาท สาขานางเลิ้ง 41 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 41,000 บาท สาขาประชาชื่น 15 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 15,000 บาท พนักงานรักษาความปลอดภัยละทิ้งจุด สาขาบางเขน 2 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 2,000 บาท ไม่ไปตรวจจุด สาขาบางเขน 14 จุด คิดค่าปรับจุดละ 100 บาท รวม 1,400 บาท รวมเป็นค่าปรับ 249,900 บาท แต่โจทก์ตรวจสอบพบว่า จำเลยคิดค่าปรับไม่ถูกต้อง โดยไม่มีพนักงานรักษาความปลอดภัยไม่มารวมแถว สาขานางเลิ้งและสาขาประชาชื่น โจทก์นำส่งประวัติและผลตรวจประวัติอาชญากรครบถ้วน มีพนักงานรักษาความปลอดภัยลงชื่อไม่ทัน ไม่มาปฏิบัติหน้าที่ สาขาบางเขน 81 ผลัด สาขานางเลิ้ง 28 ผลัด สาขาประชาชื่น 8 ผลัด และได้รับแจ้งการละทิ้งจุด สาขาบางเขน 1 ผลัด แต่โจทก์ไม่ได้รับแจ้งการไม่ตรวจจุด สาขาบางเขน เดือนมกราคม 2558 จำเลยคิดค่าปรับอ้างว่า พนักงานรักษาความปลอดภัยไม่มารวมแถว สาขาประชาชื่น 21 คน ปรับคนละ 500 บาท รวม 10,500 บาท สาขานางเลิ้ง 5 คน คิดค่าปรับคนละ 500 บาท รวม 2,500 บาท ไม่ทำประวัติส่ง สาขาบางเขน 4 คน คิดค่าปรับคนละ 1,000 บาท รวม 4,000 บาท สาขานางเลิ้ง 27 คน คิดค่าปรับคนละ 1,000 บาท รวม 27,000 บาท สาขาประชาชื่น 24 คน คิดค่าปรับคนละ 1,000 บาท รวม 24,000 บาท พนักงานรักษาความปลอดภัยลงชื่อไม่ทัน ไม่มาปฏิบัติหน้าที่ สาขาบางเขน 63 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 63,000 บาท สาขานางเลิ้ง 98 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 98,000 บาท สาขาประชาชื่น 24 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 24,000 บาท พนักงานรักษาความปลอดภัยหลับ ละทิ้งจุด สาขาบางเขน 3 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 3,000 บาท สาขานางเลิ้ง 6 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 6,000 บาท ไม่ไปตรวจจุด สาขาบางเขน 16 จุด คิดค่าปรับจุดละ 100 บาท รวม 1,600 บาท รวมเป็นค่าปรับ 269,600 บาท แต่โจทก์ตรวจสอบพบว่า จำเลยคิดค่าปรับไม่ถูกต้อง โดยไม่มีพนักงานรักษาความปลอดภัยไม่มารวมแถว สาขานางเลิ้งและสาขาประชาชื่น โจทก์นำส่งประวัติและผลตรวจประวัติอาชญากรครบถ้วน มีพนักงานรักษาความปลอดภัยลงชื่อไม่ทัน ไม่มาปฏิบัติหน้าที่ สาขาบางเขน 53 ผลัด สาขานางเลิ้ง 49 ผลัด สาขาประชาชื่น 14 ผลัด พนักงานรักษาความปลอดภัยหลับ ละทิ้งจุด สาขาบางเขน 1 ผลัด สาขานางเลิ้ง 3 ผลัด แต่โจทก์ไม่ได้รับแจ้งการไม่ตรวจจุด สาขาบางเขน เดือนกุมภาพันธ์ 2558 จำเลยคิดค่าปรับอ้างว่า พนักงานรักษาความปลอดภัยไม่มารวมแถว สาขาประชาชื่น 14 คน ปรับคนละ 500 บาท รวม 7,000 บาท ไม่ทำประวัติส่ง สาขาบางเขน 1 คน คิดค่าปรับคนละ 1,000 บาท รวม 1,000 บาท สาขานางเลิ้ง 13 คน คิดค่าปรับคนละ 1,000 บาท รวม 13,000 บาท พนักงานรักษาความปลอดภัยลงชื่อไม่ทัน ไม่มาปฏิบัติหน้าที่ สาขาบางเขน 61 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 61,000 บาท สาขานางเลิ้ง 46 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 46,000 บาท สาขาประชาชื่น 10 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 10,000 บาท พนักงานรักษาความปลอดภัยหลับ ละทิ้งจุด สาขาบางเขน 2 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 2,000 บาท สาขานางเลิ้ง 8 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 8,000 บาท ไม่ไปตรวจจุดสาขาบางเขน 22 จุด คิดค่าปรับจุดละ 100 บาท รวม 2,200 บาท รวมเป็นค่าปรับ 150,200 บาท แต่โจทก์ตรวจสอบพบว่า จำเลยคิดค่าปรับไม่ถูกต้อง โดยไม่มีพนักงานรักษาความปลอดภัยไม่มารวมแถว สาขานางเลิ้งและสาขาประชาชื่น โจทก์นำส่งประวัติและผลตรวจประวัติอาชญากรครบถ้วน มีพนักงานรักษาความปลอดภัยลงชื่อไม่ทัน ไม่มาปฏิบัติหน้าที่ สาขาบางเขน 54 ผลัด สาขานางเลิ้ง 15 ผลัด สาขาประชาชื่น 2 ผลัด พนักงานรักษาความปลอดภัยหลับ ละทิ้งจุด สาขาบางเขน 2 ผลัด สาขานางเลิ้ง 8 ผลัด และไม่ตรวจจุด สาขาบางเขน 22 จุด เดือนมีนาคม 2558 จำเลยคิดค่าปรับอ้างว่า พนักงานรักษาความปลอดภัยมีประวัติอาชญากรสาขานางเลิ้ง 1 คน ปรับ 1,000 บาท พนักงานรักษาความปลอดภัยไม่มารวมแถว สาขาประชาชื่น 26 คน ปรับคนละ 500 บาท รวม 13,000 บาท สาขานางเลิ้ง 2 คน คิดค่าปรับคนละ 500 บาท รวม 1,000 บาท ไม่ทำประวัติส่ง สาขาบางเขน 6 คน คิดค่าปรับคนละ 1,000 บาท รวม 6,000 บาท สาขานางเลิ้ง 31 คน คิดค่าปรับคนละ 1,000 บาท รวม 31,000 บาท สาขาประชาชื่น 3 คน คิดค่าปรับคนละ 1,000 บาท รวม 3,000 บาท พนักงานรักษาความปลอดภัยลงชื่อไม่ทัน ไม่มาปฏิบัติหน้าที่ สาขาบางเขน 95 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 95,000 บาท สาขานางเลิ้ง 34 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 34,000 บาท สาขาประชาชื่น 46 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 46,000 บาท พนักงานรักษาความปลอดภัยละทิ้งจุด สาขาบางเขน 3 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 3,000 บาท สาขาประชาชื่น 1 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 1,000 บาท ไม่ไปตรวจจุด สาขาบางเขน 54 จุด คิดค่าปรับจุดละ 100 บาท รวม 5,400 บาท รวมเป็นค่าปรับ 239,400 บาท แต่โจทก์ตรวจสอบพบว่า จำเลยคิดค่าปรับไม่ถูกต้อง โดยไม่มีพนักงานรักษาความปลอดภัยไม่มารวมแถว สาขานางเลิ้งและสาขาประชาชื่น โจทก์นำส่งประวัติและผลตรวจประวัติอาชญากรครบถ้วน มีพนักงานรักษาความปลอดภัยลงชื่อไม่ทัน ไม่มาปฏิบัติหน้าที่ สาขาบางเขน 95 ผลัด สาขานางเลิ้ง 27 ผลัด สาขาประชาชื่น 13 ผลัด ไม่ตรวจจุด สาขาบางเขน 54 จุด แต่โจทก์ไม่ได้รับแจ้งการละทิ้งจุดทั้งสาขาบางเขนและสาขาประชาชื่น เดือนเมษายน 2558 จำเลยคิดค่าปรับอ้างว่า พนักงานรักษาความปลอดภัยมีประวัติอาชญากร สาขานางเลิ้ง 1 คน ปรับ 1,000 บาท พนักงานรักษาความปลอดภัยไม่มารวมแถว สาขาประชาชื่น 15 คน ปรับคนละ 500 บาท รวม 7,500 บาท สาขานางเลิ้ง 8 คน คิดค่าปรับคนละ 500 บาท รวม 4,000 บาท ไม่ทำประวัติส่ง สาขานางเลิ้ง 30 คน คิดค่าปรับคนละ 1,000 บาท รวม 30,000 บาท สาขาประชาชื่น 2 คน คิดค่าปรับคนละ 1,000 บาท รวม 2,000 บาท พนักงานรักษาความปลอดภัยลงชื่อไม่ทัน ไม่มาปฏิบัติหน้าที่ สาขาบางเขน 161 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 161,000 บาท สาขานางเลิ้ง 104 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 104,000 บาท สาขาประชาชื่น 71 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 71,000 บาท พนักงานรักษาความปลอดภัยละทิ้งจุด สาขาบางเขน 4 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 4,000 บาท สาขานางเลิ้ง 1 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 1,000 บาท ไม่ตรวจจุด สาขาบางเขน 116 จุด คิดค่าปรับจุดละ 100 บาท รวม 11,600 บาท รวมเป็นค่าปรับ 397,100 บาท แต่โจทก์ตรวจสอบพบว่า จำเลยคิดค่าปรับไม่ถูกต้อง โดยไม่มีพนักงานรักษาความปลอดภัยไม่มารวมแถว สาขานางเลิ้งและสาขาประชาชื่น โจทก์นำส่งประวัติและผลตรวจประวัติอาชญากรครบถ้วน มีพนักงานรักษาความปลอดภัยลงชื่อไม่ทัน ไม่มาปฏิบัติหน้าที่ สาขาบางเขน 154 ผลัด สาขานางเลิ้ง 84 ผลัด สาขาประชาชื่น 25 ผลัด และโจทก์ไม่ได้รับแจ้งการละทิ้งจุดทั้งสาขาบางเขนและสาขานางเลิ้งและไม่ได้รับแจ้งการไม่ตรวจจุด สาขาบางเขน เดือนพฤษภาคม 2558 จำเลยคิดค่าปรับอ้างว่า พนักงานรักษาความปลอดภัยไม่มารวมแถว สาขาประชาชื่น 16 คน ปรับคนละ 500 บาท รวม 8,000 บาท สาขานางเลิ้ง 3 คน คิดค่าปรับคนละ 500 บาท รวม 1,500 บาท ไม่ทำประวัติส่ง สาขานางเลิ้ง 14 คน คิดค่าปรับคนละ 1,000 บาท รวม 14,000 บาท พนักงานรักษาความปลอดภัยลงชื่อไม่ทัน ไม่มาปฏิบัติหน้าที่ สาขาบางเขน 86 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 86,000 บาท สาขานางเลิ้ง 78 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 78,000 บาท สาขาประชาชื่น 14 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 14,000 บาท พนักงานรักษาความปลอดภัยไม่ไปตรวจจุด สาขาบางเขน 36 จุด คิดค่าปรับจุดละ 100 บาท รวม 3,600 บาท รวมเป็นค่าปรับ 205,100 บาท แต่โจทก์ตรวจสอบพบว่า จำเลยคิดค่าปรับไม่ถูกต้อง โดยไม่มีพนักงานรักษาความปลอดภัยไม่มารวมแถว สาขานางเลิ้งและสาขาประชาชื่น โจทก์นำส่งประวัติและผลตรวจประวัติอาชญากรครบถ้วน มีพนักงานรักษาความปลอดภัยลงชื่อไม่ทัน ไม่มาปฏิบัติหน้าที่ สาขาบางเขน 82 ผลัด สาขานางเลิ้ง 51 ผลัด สาขาประชาชื่น 6 ผลัด แต่โจทก์ไม่ได้รับแจ้งการไม่ตรวจจุด สาขาบางเขน เดือนมิถุนายน 2558 จำเลยคิดค่าปรับอ้างว่า พนักงานรักษาความปลอดภัยไม่มารวมแถวสาขาประชาชื่น 6 คน ปรับคนละ 500 บาท รวม 3,000 บาท ลงชื่อไม่ทัน ไม่มาปฏิบัติหน้าที่ สาขาบางเขน 70 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 70,000 บาท สาขานางเลิ้ง 36 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 36,000 บาท ไม่ทำประวัติส่ง สาขานางเลิ้ง 30 คน คิดค่าปรับคนละ 1,000 บาท รวม 30,000 บาท พนักงานรักษาความปลอดภัยละทิ้งจุด สาขาบางเขน 3 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 3,000 บาท ไม่ไปตรวจจุด สาขาบางเขน 31 จุด คิดค่าปรับจุดละ 1,000 บาท รวม 31,000 บาท รวมเป็นค่าปรับ 140,100 บาท แต่โจทก์ตรวจสอบพบว่า จำเลยคิดค่าปรับไม่ถูกต้อง โดยมีพนักงานรักษาความปลอดภัยไม่มารวมแถว สาขาประชาชื่น 6 คน มีพนักงานรักษาความปลอดภัยลงชื่อไม่ทัน ไม่มาปฏิบัติหน้าที่ สาขาบางเขน 70 ผลัด สาขานางเลิ้ง 15 ผลัด สาขาประชาชื่น 6 ผลัด และโจทก์ได้รับแจ้งการละทิ้งจุด สาขาบางเขน 3 ผลัด แต่โจทก์ไม่ได้รับแจ้งการไม่ตรวจจุด สาขาบางเขน เดือนกรกฎาคม 2558 จำเลยคิดค่าปรับอ้างว่า พนักงานรักษาความปลอดภัยไม่มารวมแถว สาขาประชาชื่น 9 คน ปรับคนละ 500 บาท รวม 4,500 บาท สาขานางเลิ้ง 3 คน คิดค่าปรับคนละ 500 บาท รวม 1,500 บาท พนักงานรักษาความปลอดภัยลงชื่อไม่ทัน ไม่มาปฏิบัติหน้าที่ สาขาบางเขน 225 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 225,000 บาท สาขานางเลิ้ง 166 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 166,000 บาท สาขาประชาชื่น 83 ผลัด คิดค่าปรับผลัดละ 1,000 บาท รวม 83,000 บาท ไม่ไปตรวจจุด สาขาบางเขน 15 จุด คิดค่าปรับจุดละ 100 บาท รวม 1,500 บาท รวมเป็นค่าปรับ 481,500 บาท แต่โจทก์ตรวจสอบพบว่า จำเลยคิดค่าปรับไม่ถูกต้อง โดยมีพนักงานรักษาความปลอดภัยไม่มารวมแถว สาขานางเลิ้ง 3 คน สาขาประชาชื่น 9 คน มีพนักงานรักษาความปลอดภัยลงชื่อไม่ทัน ไม่มาปฏิบัติหน้าที่ สาขาบางเขน 220 ผลัด สาขานางเลิ้ง 140 ผลัด สาขาประชาชื่น 25 ผลัด แต่โจทก์ไม่ได้รับแจ้งการไม่ตรวจจุด สาขาบางเขน ต่อมาวันที่ 20 สิงหาคม 2557 จำเลยมีหนังสือถึงโจทก์ (ที่ถูกน่าจะเป็นโจทก์มีหนังสือถึงจำเลย) ขอทราบรายละเอียดค่าปรับ และวันที่ 26 ธันวาคม 2557 โจทก์มีหนังสือถึงจำเลย ขอให้พิจารณาลดค่าปรับ จำเลยได้รับหนังสือแล้วเพิกเฉย ต่อมาวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2558 จำเลยมีหนังสือถึงโจทก์ให้ยืนยันที่จะทำสัญญาต่อไป โดยขอให้โจทก์มีหนังสือแจ้งยินยอมเสียค่าปรับให้แก่จำเลยโดยไม่มีเงื่อนไขใด ๆ วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2558 โจทก์มีหนังสือโต้แย้งค่าปรับและสงวนสิทธิ์บอกเลิกสัญญาจ้างไปยังจำเลย วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2558 โจทก์มีหนังสือขอตรวจสอบข้อมูลค่าปรับ โจทก์ตรวจสอบแล้วพบว่าเอกสารที่จำเลยให้ตรวจสอบไม่มีรายละเอียดกลับเป็นเอกสารที่โจทก์ทำขึ้น จำเลยคิดค่าปรับไม่ถูกต้อง และสูงกว่าค่าแรงพนักงานของโจทก์รายวัน วันละ 610 บาท พยานตอบคำถามค้านทนายจำเลยว่า จำเลยมีสิทธิหักค่าปรับออกจากค่าจ้างได้ตามสัญญาข้อ 5 เรื่องบทปรับ ลงวันที่ 12 มิถุนายน 2557 และ 4 สิงหาคม 2558 ที่โจทก์มีไปถึงจำเลยเป็นเรื่องขอความอนุเคราะห์ทบทวนค่าปรับและปัญหาของโจทก์ในการจัดการพนักงานรักษาความปลอดภัย ไม่มีข้อความใดที่ระบุว่า จำเลยคิดค่าปรับไม่ถูกต้อง ส่วนหนังสือเอกสารท้าย ลงวันที่ 4 กันยายน 2558 ก็เป็นเรื่องขอลดค่าปรับและละเว้นค่าปรับเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพนักงานของโจทก์ ในการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานโจทก์จะต้องลงลายมือชื่อในใบลงเวลาการทำงาน ณ สถานประกอบการของจำเลย ซึ่งมีอยู่สองแบบ แบบแรกเป็นใบลงเวลาของโจทก์ แบบที่สองเป็นใบลงเวลาของจำเลยที่จำเลยให้โจทก์ทำ สาขาต่าง ๆ ของจำเลยจะมีพนักงานรักษาความปลอดภัยของโจทก์ประจำอยู่ และมีหัวหน้าชุดกำกับดูแล โจทก์ไม่เคยโต้แย้งการตรวจรับงานของคณะกรรมการตรวจรับพัสดุของจำเลย เพียงแต่โจทก์ขอความเป็นธรรมในการพิจารณาเรื่องค่าปรับ ทุกครั้งที่จำเลยปรับโจทก์ จำเลยจะมีใบเสร็จรับเงินให้ทุกเดือน รวม 24 เดือน ส่วนโจทก์ก็ส่งใบแจ้งหนี้หรือใบวางบิลให้แก่จำเลยทุกงวด เพื่อให้คณะกรรมการตรวจรับพัสดุตรวจสอบ เมื่อจำเลยโอนเงินให้โจทก์ทุกงวด โจทก์ก็จะออกใบเสร็จรับเงินตามที่จำเลยโอนให้แก่โจทก์ทุกครั้ง หนังสือที่โจทก์มีไปถึงจำเลยทุกฉบับไม่เคยโต้แย้ง ใบลงเวลาการทำงานของพนักงานโจทก์ทั้ง 2 ชุด ตามสำเนาใบลงเวลาการปฏิบัติงานของพนักงานโจทก์ไม่สามารถจะรู้ได้ว่า มีพนักงานรักษาความปลอดภัยที่ละทิ้งจุดประจำหรือไม่ นายสุพจน์ พนักงานโจทก์ เบิกความเป็นพยานโจทก์ว่า จะมีหัวหน้าชุดของโจทก์และพนักงานรักษาความปลอดภัยของจำเลยเป็นผู้ควบคุมการลงลายมือชื่อ จากนั้นสายตรวจของโจทก์จะไปรับใบลงเวลามาให้พยาน แล้วรวบรวมส่งให้โจทก์ เมื่อโจทก์ตรวจสอบถูกต้องแล้วทำใบวางบิลส่งให้จำเลย ในความเป็นจริงการคิดค่าปรับจะยึดถือใบลงเวลาการทำงานเป็นหลัก แต่เมื่อพยานไปขอตรวจใบลงเวลาจากที่ทำการของจำเลยเพื่อเปรียบเทียบ แต่พนักงานของจำเลยไม่ให้พยานตรวจ พยานจึงไม่สามารถทราบสาเหตุได้ว่าเหตุใดจึงไม่ตรงกัน ส่วนจำเลยมีนายธรรมนูญ ผู้รับมอบอำนาจช่วงมาเบิกความเป็นพยานว่า พยานมีตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการจัดซื้อจัดจ้างของจำเลยมีหน้าที่ดูแลการจัดซื้อจัดจ้างของจำเลย การปฏิบัติงานของพนักงานโจทก์ มีการลงเวลาไว้ เมื่อเดือนสิงหาคม 2556 โจทก์ไม่ส่งตารางเวรและพนักงานของโจทก์ลงชื่อไม่ทันปฏิบัติหน้าที่ จึงถูกจำเลยปรับเป็นเงิน 246,000 บาท หลังจากนั้นโจทก์ไม่ปฏิบัติตามสัญญาเป็นต้นมาเป็นเหตุให้จำเลยปรับโจทก์ทุกงวด ซึ่งค่าปรับนั้นเป็นไปตามที่คณะกรรมการตรวจรับพัสดุตรวจรับมอบงาน เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2557 และวันที่ 28 ธันวาคม 2557 โจทก์มีหนังสือขอทราบรายละเอียดเกี่ยวกับค่าปรับมายังจำเลย โดยส่งเจ้าหน้าที่มาประสานงานกับจำเลย จำเลยมอบเอกสารให้แก่พนักงานโจทก์ตรวจสอบและยินยอมให้คัดถ่ายเอกสาร ซึ่งตรงกับเอกสารของโจทก์ โจทก์ทำขึ้นฝ่ายเดียว และไม่เคยส่งให้จำเลยตลอดอายุสัญญา พยานตอบคำถามที่ทนายจำเลยถามติงว่า การตรวจสอบเกี่ยวกับการคิดคำนวณค่าปรับจะต้องผ่านถึง 3 ขั้นตอน คือขั้นตอนแรกผ่านจากเจ้าหน้าที่ศูนย์รักษาความปลอดภัยของจำเลยในการตรวจสอบข้อมูลความถูกต้องการปฏิบัติงานของพนักงานโจทก์ จากนั้นจะถูกตรวจสอบจากคณะกรรมการตรวจรับพัสดุ และขั้นตอนสุดท้ายจะถูกตรวจสอบจากคณะกรรมการตรวจรับมอบงานของจำเลย จากนั้นจะมีการบันทึก แล้วมาถึงพยานจึงเป็นเหตุให้เชื่อมั่นได้ว่าข้อมูลถูกต้อง นอกจากนี้พนักงานประสานงานของโจทก์ก็อยู่ร่วมด้วยในการตรวจรับมอบงานทุกครั้ง และไม่เคยโต้แย้งการตรวจรับมอบงานของจำเลยว่าไม่ถูกต้อง นายชวรินทร์ พนักงานของจำเลยเบิกความเป็นพยานจำเลยว่า พยานเป็นคณะกรรมการตรวจรับพัสดุการจ้าง พยานเป็นคนทำบันทึก โจทก์ไม่เคยโต้แย้งเกี่ยวกับการที่คณะกรรมการตรวจรับมอบงานคิดค่าปรับโจทก์ พยานตอบทนายโจทก์ถามค้านว่า พยานเป็นผู้ตรวจสอบรวมถึงเอกสารอื่นที่เกี่ยวข้องด้วยแล้วเปรียบเทียบกับใบสรุปที่กลุ่มงานรักษาความปลอดภัยของจำเลยจัดทำว่า โจทก์ปฏิบัติตามสัญญาครบถ้วนหรือไม่ เห็นว่า ทางพิจารณาโจทก์เองก็ยอมรับว่า โจทก์ไม่ปฏิบัติตามสัญญาโดยครบถ้วนและพนักงานโจทก์บกพร่องต่อหน้าที่ทุกเดือน และถูกจำเลยปรับตามสัญญาเรื่องบทปรับ ข้อ 5 มาตลอดจนสิ้นสุดสัญญาเรื่องบทปรับรวม 24 เดือน การชำระค่าปรับโดยผู้ว่าจ้างมีสิทธิหักจากเงินค่าจ้างเป็นรายงวดทันทีตามสัญญาเรื่องบทปรับข้อ 5 วรรคท้าย จำเลยก็ออกใบเสร็จรับเงินค่าปรับให้โจทก์ทุกครั้ง ก่อนมีการจ่ายค่าจ้างให้โจทก์จะต้องมีการวางบิลให้คณะกรรมการตรวจการจ้างรับมอบงานให้โจทก์ตรวจสอบความถูกต้องก่อน โจทก์ได้รับค่าจ้างครั้งแรกเมื่อเดือนเมษายน 2557 ก็ปรากฏรายละเอียดในการคิดค่าปรับของจำเลยแต่ละรายการซึ่งโจทก์ก็ยอมรับว่าในเดือนเดียวกันนั้นโจทก์เคยไปขอตรวจสอบความถูกต้อง น่าเชื่อว่าโจทก์น่าจะขอตรวจสอบจากบันทึกการคำนวณค่าปรับของจำเลยได้ ทั้งโจทก์มีใบลงเวลาของพนักงานโจทก์ซึ่งสามารถตรวจสอบก่อนวางบิลทุกเดือนได้อยู่แล้ว หากโจทก์เห็นว่าไม่ถูกต้องก็น่าจะโต้แย้งมาตั้งแต่ตอนที่ถูกหักค่าปรับตอนแรก ตามบันทึกของคณะกรรมการตรวจรับระบุถึงรายละเอียดการรับมอบงาน การคิดคำนวณค่าปรับไว้ทุกงวดงาน โดยจำเลยมีนายชวรินทร์ พยานจำเลยมาเบิกความถึงวิธีปฏิบัติ และขั้นตอนปฏิบัติมีเหตุผลน่าเชื่อถือ สำหรับเอกสารคือใบลงเวลาปฏิบัติงานของพนักงานโจทก์ซึ่งมีอยู่ 2 ชุด โดยโจทก์เก็บไปชุดหนึ่งและจำเลยเก็บไว้ชุดหนึ่ง พยานโจทก์ก็ยอมรับว่าเป็นเอกสารที่โจทก์จัดทำขึ้นแล้วมอบให้จำเลย จากการตรวจดูก็ปรากฏหัวกระดาษเป็นชื่อของบริษัทโจทก์ซึ่งก็ตรงกับที่โจทก์นำสืบ ความข้อนี้เจือสมกับที่จำเลยนำสืบ เมื่อพนักงานของโจทก์ไปขอตรวจสอบ จำเลยยินยอมให้โจทก์ตรวจสอบและยอมให้คัดถ่ายสำเนาไป เมื่อพิจารณาประกอบแล้วไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้โต้แย้งความไม่ถูกต้องของการคิดค่าปรับของจำเลย คงปรากฏแต่เพียงว่า ขอให้จำเลยลดค่าปรับหรือละเว้นค่าปรับและให้ความเป็นธรรมแก่โจทก์ ที่นายปรีชาพยานโจทก์เบิกความว่า จำเลยคำนวณไม่ถูกต้อง ที่ถูกต้องเป็นอย่างที่โจทก์นำสืบ แต่นายปรีชาก็ไม่อธิบายถึงรายละเอียดในเอกสารว่าจุดไหนถูกอย่างไร ไม่ถูกอย่างไร นายสุพจน์พยานโจทก์อีกปากหนึ่งก็ยอมรับว่า ไม่ทราบสาเหตุว่าทำไมใบลงเวลาของโจทก์คิดไม่ตรงกับที่จำเลยคิด นอกจากนี้โจทก์ก็มิได้จัดทำเอกสารให้ชัดแจ้งว่า ใครเป็นผู้คิดคำนวณให้กับโจทก์ พนักงานรักษาความปลอดภัยของโจทก์ที่เกี่ยวข้อง โจทก์ก็มิได้นำมาสืบสนับสนุน ก็เป็นเอกสารที่โจทก์ทำขึ้นฝ่ายเดียว ซึ่งจำเลยไม่ยอมรับ จึงไม่น่าเชื่อถือ ส่วนพยานจำเลยมีทั้งผู้บริหารและคณะกรรมการตรวจรับมอบงานมาเบิกความประกอบเอกสารมีเหตุผลน่าเชื่อถือ พยานหลักฐานของจำเลยจึงมีน้ำหนักกว่าพยานหลักของโจทก์ ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่า จำเลยคิดค่าปรับโจทก์ไม่ถูกต้อง ฎีกาของโจทก์ในประเด็นนี้ฟังไม่ขึ้นอีกเช่นกัน
ปัญหาประเด็นสุดท้ายมีว่า โจทก์ขอลดค่าปรับได้หรือไม่นั้น ตามสัญญาจ้าง กำหนดว่า หากโจทก์ผู้รับจ้างปฏิบัติผิดข้อกำหนดตามที่ระบุในสัญญา จำเลยผู้ว่าจ้างมีสิทธิเรียกค่าปรับได้ ข้อตกลงดังกล่าวเป็นการกำหนดค่าเสียหายในกรณีที่โจทก์ไม่ชำระหนี้หรือชำระหนี้ไม่ถูกต้องตามสมควรไว้ล่วงหน้า จึงเข้าลักษณะเป็นเบี้ยปรับ ซึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 383 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า "ถ้าเบี้ยปรับที่ริบนั้นสูงเกินส่วน ศาลจะลดลงเป็นจำนวนพอสมควรก็ได้... เมื่อได้ใช้เงินตามเบี้ยปรับแล้ว สิทธิเรียกร้องขอลดก็เป็นอันขาดไป" ซึ่งโจทก์นำสืบว่า หลังจากที่จำเลยชำระค่าจ้างเมื่อเดือนเมษายน 2557 โจทก์ตรวจสอบพบว่าเงินที่จำเลยชำระค่าจ้างไม่ครบตามสัญญา โดยจำเลยหักเงินค่าปรับออกจากเงินค่าจ้างและโอนเงินส่วนที่เหลือเข้าบัญชีโจทก์ วันที่ 20 สิงหาคม 2557 โจทก์มีหนังสือถึงจำเลยขอทราบรายละเอียดค่าปรับ และโจทก์มีหนังสือฉบับลงวันที่ 26 ธันวาคม 2557 ขอให้จำเลยลดค่าปรับ ต่อมาวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2558 จำเลยมีหนังสือถึงโจทก์ขอให้ยืนยันที่จะให้บริการรักษาความปลอดภัยของธนาคารตามสัญญาต่อไป โดยขอให้โจทก์มีหนังสือแจ้งยินยอมเสียค่าปรับให้แก่จำเลยโดยไม่มีเงื่อนไขใด ๆ วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2558 โจทก์มีหนังสือโต้แย้งค่าปรับและสงวนสิทธิ์บอกเลิกสัญญาจ้างไปยังจำเลย โดยมีข้อความระบุว่าไม่ยินยอมเสียค่าปรับที่จำเลยหักออกจากค่าจ้าง นอกจากนี้โจทก์มีหนังสือขอให้จำเลยพิจารณาลดค่าปรับให้แก่โจทก์ เห็นว่า หลังจากจำเลยโอนเงินค่าจ้างซึ่งหักค่าปรับแล้วให้แก่โจทก์ โจทก์มีหนังสือขอให้จำเลยลดค่าปรับและงดเว้นค่าปรับตลอดมา โดยการชำระค่าปรับจำเลยได้ใช้วิธีหักเอาจากเงินค่าจ้างตามงวดงาน อีกทั้งเมื่อจำเลยขอให้โจทก์มีหนังสือยินยอมชำระค่าปรับโดยไม่มีเงื่อนไข โจทก์ก็มีหนังสือโต้แย้งทันที พฤติการณ์แห่งคดีแสดงให้เห็นว่าโจทก์ไม่ยินยอมชำระค่าปรับให้แก่จำเลยตามที่จำเลยเรียกมา แม้นายปรีชา พนักงานโจทก์จะเบิกความตอบทนายจำเลยถามค้านว่า จำเลยมีสิทธิหักค่าปรับออกจากค่าจ้างได้ตามสัญญาข้อ 5 เรื่องบทปรับ ก็ตาม แต่จะถือว่าโจทก์ยินยอมชำระค่าปรับให้แก่จำเลยอันจะเป็นเหตุให้สิทธิเรียกร้องขอลดค่าปรับเป็นอันขาดไป ตามที่บัญญัติในมาตรา 383 วรรคหนึ่งหาได้ไม่ โจทก์จึงมีสิทธิขอลดค่าปรับได้ ซึ่งโจทก์นำสืบว่า อัตราค่าปรับรายวันตามสัญญาจ้างวันละ 1,000 บาท สูงกว่าค่าจ้างพนักงานรักษาความปลอดภัยของโจทก์ ซึ่งโจทก์จ่ายวันละ 610 บาท จึงถือว่า เป็นเบี้ยปรับที่สูงเกินส่วนนั้น เห็นว่า จำเลยคิดค่าปรับจากโจทก์ทุกเดือนตลอดระยะเวลาตามสัญญา 2 ปี รวมเป็นเงิน 8,189,800 บาท โดยจำเลยมิได้นำสืบให้ปรากฏว่า จำเลยเสียหายเต็มตามจำนวนค่าปรับที่กำหนดไว้ในสัญญา กลับปรากฏในหนังสือ ที่โจทก์มีถึงจำเลยว่าระยะเวลาที่ผ่านมาไม่ปรากฏความเสียหายหรืออันตรายใด ๆ ต่อสถานที่ ทรัพย์สิน พนักงานธนาคาร หรือบุคคลภายนอกที่มาติดต่อกับธนาคารแต่อย่างใด ซึ่งจำเลยก็มิได้นำสืบโต้แย้ง กรณีจึงเห็นว่าค่าปรับที่จำเลยเรียกจากโจทก์นั้นสูงเกินส่วน ซึ่งศาลมีอำนาจลดลงเป็นจำนวนพอสมควรได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 383 วรรคหนึ่ง เมื่อพิเคราะห์ถึงทางได้เสียทุกอย่างอันชอบด้วยกฎหมายของจำเลยแล้ว เห็นควรลดค่าปรับลงคงเหลือ 4,630,000 บาท ดังนั้นจำเลยต้องคืนเงินค่าปรับให้แก่โจทก์เป็นเงิน 3,559,800 บาท ส่วนที่โจทก์ขอดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์นั้น เห็นว่า การที่จำเลยคิดค่าปรับจากโจทก์นั้นเป็นการใช้สิทธิตามข้อตกลงในสัญญาโดยชอบ เมื่อศาลพิพากษาให้ลดค่าปรับซึ่งเป็นเบี้ยปรับลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 383 วรรคหนึ่ง เป็นผลให้จำเลยต้องคืนเบี้ยปรับบางส่วนให้แก่โจทก์ โจทก์จึงไม่มีสิทธิได้ดอกเบี้ยจากเบี้ยปรับที่ได้รับคืน เพราะเป็นฝ่ายผิดสัญญา
พิพากษากลับเป็นว่า ให้จำเลยชำระเงิน 3,559,800 บาท แก่โจทก์ โดยไม่ต้องชำระดอกเบี้ย ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ