โจทก์ทั้งสองฟ้องขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน1,637,656 บาท และดอกเบี้ยแก่โจทก์ทั้งสอง และให้จำเลยทั้งสองรับโอนรถยนต์จากโจทก์ ศาลชั้นต้นสั่งรับคำฟ้อง หมายส่งสำเนาให้จำเลยโดยให้โจทก์นำส่งภายใน 7 วัน ถ้าส่งไม่ได้ ให้โจทก์แถลงเพื่อดำเนินการต่อไปภายในกำหนด 15 วัน นับแต่วันส่งไม่ได้ หากไม่แถลงให้ถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง ต่อมาพนักงานเดินหมายรายงานว่าได้นำหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไปส่งที่ภูมิลำเนาของจำเลยทั้งสอง พบชายคนหนึ่งแจ้งว่าจำเลยทั้งสองได้ย้ายไปนานแล้ว ส่งหมายให้ไม่ได้เมื่อวันที่ 29พฤศจิกายน 2527 โจทก์ยื่นคำแถลงขอสืบหาที่อยู่ของจำเลยทั้งสองภายใน 7 วัน ศาลชั้นต้นอนุญาต และเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม2527 โจทก์ยื่นคำแถลงว่า จำเลยที่ 1 คงมีภูมิลำเนาอยู่ตามฟ้อง ส่วนจำเลยที่ 2 ไม่สามารถค้นหาที่อยู่ได้ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งเนื่องจากหลบหนีหมายจับของศาล ขอให้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องโดยประกาศทางหนังสือพิมพ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในวันเดียวกันว่า จำเลยทั้งสองมีที่อยู่ที่แน่นอน ไม่อนุญาตให้ประกาศหนังสือพิมพ์ ให้โจทก์แถลงว่าจะดำเนินการอย่างไรภายใน 3 วัน มิฉะนั้นถือว่าทิ้งฟ้อง โจทก์ทั้งสองมิได้แถลงภายในกำหนดแต่ต่อมาวันที่ 12 ธันวาคม 2527โจทก์ทั้งสองจึงยื่นคำร้องว่า โจทก์ทั้งสองไม่มีเจตนาทิ้งฟ้อง ขอให้งดสั่งว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง และยื่นคำแถลงขอให้ศาลชั้นต้นสั่งให้พนักงานเดินหมายส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลยทั้งสองอีกครั้ง ถ้าไม่มีผู้รับให้ปิดหมาย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ศาลมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ประกาศหนังสือพิมพ์ ส่งหมายเรียกสำเนาคำฟ้องให้จำเลยในวันที่ 6ธันวาคม 2527 และให้โจทก์แถลงเพื่อดำเนินการต่อไปภายใน 3วัน โดยสั่งในวันที่โจทก์ยื่นคำแถลงถือว่าโจทก์ทราบคำสั่งศาลแล้ว เมื่อโจทก์ไม่แถลงภายในกำหนด ถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้องจำหน่ายคดี
โจทก์ทั้งสองยื่นคำร้องว่าโจทก์มิได้จงใจทิ้งฟ้อง ขอให้แก้ไขคำสั่งทิ้งฟ้องหรือที่สั่งจำหน่ายคดี
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อความท้ายคำร้องคำแถลงมีว่า ข้าพเจ้ารอฟังคำสั่งอยู่ ถ้าไม่รอให้ถือว่าทราบแล้ว ทนายโจทก์ทั้งสองยื่นคำแถลงขอให้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องโดยประกาศหนังสือพิมพ์ และศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งในวันเดียวกันนั้น ไม่อนุญาตให้ประกาศหนังสือพิมพ์ให้โจทก์แถลงว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไปภายใน 3 วัน มิฉะนั้นถือว่าทิ้งฟ้องต้องถือว่าโจทก์ทั้งสองได้ทราบคำสั่งนั้นแล้ว เมื่อโจทก์ทั้งสองมิได้แถลงภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด จึงเป็นกรณีที่ถือได้ว่าโจทก์ทั้งสองทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174 (2) ศาลชั้นต้นมีอำนาจจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 132 (1) แต่ศาลฎีกาเห็นว่ามาตรา S32 ดังกล่าวไม่ได้รับคับว่าศาลต้องจำหน่ายคดี เป็นแต่ให้ศาลใช้ดุลพินิจ คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเมื่อวันที่ 6ธันวาคม 2527 ให้โจทก์แถลงภายใน 3 วัน ได้ความว่าวันที่ 7 ธันวาคม 2527 ทนายโจทก์ติดประชุม วันที่ 8 ธันวาคม 2527 ตรงกับวันเสาร์อันเป็นวันหยุดราชการวันสุดท้ายแห่งระยะเวลาคือวันที่ 9 ธันวาคม2527 แต่วันที่ 9 และวันที่ 10 ธันวาคม 2527 ตรงกับวันอาทิตย์และวันพระราชทานรัฐธรรมนูญตามลำดับ อันเป็นวันหยุดราชการโจทก์ทั้งสองจึงมีสิทธิแถลงในวันที่ 11 ธันวาคม 2527 ได้ด้วยการที่โจทก์ทั้งสองแถลงเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2527 จึงเกินกำหนดตามคำสั่งศาลชั้นต้นที่จะยื่นได้เพียงวันเดียว ระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดให้โจทก์แถลงภายใน 3 วันก็เป็นระยะเวลาค่อนข้างสั้นสำหรับกรณีนี้ ทั้งขณะโจทก์ทั้งสองยื่นคำร้องว่าไม่มีเจตนาทิ้งฟ้องและแถลงขอให้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องตามคำสั่งของศาลชั้นต้นอันเป็นการแสดงว่าโจทก์ทั้งสองประสงค์ให้ดำเนินคดีต่อไป ศาลชั้นต้นก็ยังมิได้สั่งจำหน่ายคดี เมื่อพิเคราะห์ถึงระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดให้โจทก์ทั้งสองแถลงค่อนข้างสั้นและเป็นช่วงที่มีวันหยุดหลายวัน ทั้งโจทก์ทั้งสองแถลงเข้าไปเพียงวันเดียวคดีมีเหตุสมควรให้โจทก์ได้มีโอกาสดำเนินคดีต่อไป โดยยังไม่สั่งจำหน่ายคดีของโจทก์
พิพากษากลับ ให้ยกคำสั่งของศาลชั้นต้นและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้โจทก์จัดการนำส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องใหม่ภายในเวลาและวิธีการที่ศาลชั้นต้นจะได้กำหนด แล้วดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาใหม่.