โจทก์ฟ้องว่า  จำเลยได้ร่วมกันบุกรุกเข้าไปในบ้านอันเป็นเคหสถานที่อยู่อาศัยของนายไผ่ผู้เสียหายโดยไม่มีเหตุอันควร  และได้ร่วมกันพังประตูห้องและทำให้กระจกตู้แตก ๑ บาน  ขอให้ลงโทษ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นเห็นจำเลยไม่มีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์  เพราะตู้กระจกไม่ใช่ของผู้เสียหาย  ส่วนข้อหาบุกรุกฟังได้  จึงพิพากษาว่าจำเลยที่ ๑, ๒, ๓ และ ๔  มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๖๕ (๒)  ให้จำคุกคนละ ๓ เดือน  และยกฟ้องจำเลยที่ ๕
จำเลยที่ ๑, ๒, ๓ และ ๔ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยไม่ผิดฐานบุกรุก  พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า  การที่จำเลยที่ ๑, ๒, ๓ และ ๔  ได้เข้าไปในเคหสถานที่อยู่อาศัยของผู้เสียหายนั้น  ผู้เสียหายนำสืบไม่ได้แน่ชัดว่าจำเลยเข้าไปโดยกิริยาอาการอุกอาจแต่อย่างใด  ต้องฟังว่าจำเลยเข้าไปโดยเปิดเผยโดยดี  และการที่จำเลยเข้าไปก็เพื่อขนทรัพย์โดยเชื่อว่าเป็นของจำเลยที่ ๕  ซึ่งผู้เสียหายกับจำเลยที่ ๕ ได้ตกลงทำสัญญากันไว้ต่ออำเภอแล้ว  และจำเลยที่ ๕ ใช้ให้จำเลยไปเอา  พฤติการณ์เป็นดังนี้  จะฟังว่าจำเลยทั้ง ๔ มีเจตนาบุกรุกเคหสถานของผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๖๔ ไม่ถนัด  ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์นั้น  ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย
พิพากษายืน