โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกร่วมกันใช้ปืนยิงนายสุนทร ๒ นัด โดยใช้รถจักรยนต์เป็นยานพาหนะในการกระทำผิด โดยเจตนาฆ่า จำเลยกับพวกได้ลงมือกระทำผิดไปตลอดแล้ว แต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผลเพราะนายสุนทรหลบเข้าที่กำบังทันจึงไม่ถูกกระสุนปืน แล้วจำเลยกับพวกได้ขับขี่รถจักรยานยนต์นั้นหลบหนีไป เจ้าพนักงานได้รถจักรยานยนต์คันดังกล่าวเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๘๘, ๘๐, ๘๓, ๓๓ และขอให้ริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๘๘, ๘๐, ๘๓ ให้ลงโทษจำคุก ส่วนรถจักรยานยนต์ของกลางให้คืนเจ้าของ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่า รถจักรยานยนต์ของกลางเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการกระทำผิดโดยตรง ไม่ใช่ใช้เป็นเพียงยานพาหนะไปมา และพาจำเลยหลบหนีเท่านั้นจึงต้องริบรถจักรยานยนต์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ขณะเกิดเหตุจำเลยขี่รถจักรยานยนต์พานายแขกนั่งซ้อนท้าย และเมื่อมาถึงที่เกิดเหตุนายแขกใช้ปืนพกยินผู้เสียหาย ๒ - ๓ นัด แต่กระสุนปืนไม่ถูกผู้เสียหาย เพราะผู้เสียหายหลบหมอบที่กองหิน แล้วทั้งสองคนก็พากันหลบหนีไป แล้ววินิจฉัยว่ารถจักรยานยนต์ไม่ใช่ของที่ใช่ร่วมในการกระทำผิดแต่เป็นเพียงพาหนะที่ใช้ในการไปมาเท่านั้นจึงไม่ใช่ของกลางที่จะพึงริบ
พิพากษายืน