ได้ความว่านายเชยเปนนายวงแชร์ นายผลเปนผู้รับรองเงินของบรรดาผู้ที่นำเงินมาลงแชร์ นางผิวเปนผู้วิ่งเต้น โจทก์ได้ลงแชร์ไว้ ๒๐ วง ครั้นครบรอบปีนายเชยกับโจทก์คิดบัญชีกัน นายเชยจะต้องใช้เงินให้โจทก์ ๑๕๖๙ บาท ๕๐ สตางค์ นายเชยจึงทำสัญญากู้ให้โจทก์ไว้ แลนางผิวเปนนายประกันในสัญญากู้นั้น ต่อมาเอาสัญญากู้มาส่งคืน โดยถือเอาแต่ใบเสร็จรับเงินแชร์ที่อยู่ในมือเปนหลักฐานเท่านั้น มีปัญหาว่านายผลจำเลยจะต้องรับผิดชอบร่วมกับนายเชยนางผิวหรือไม่
ศาลเดิมตัดสินให้นายเชย นางผิวใช้เงินแก่โจทก์พร้อมทั้งดอกเบี้ยร้อยละ ๗ ครึ่งต่อปี ส่วนนายผลไม่ต้องรับผิดชอบ เพราะสัญญากู้มีนางผิวเปนประกันแล้ว เปนการปลดนายผลให้พ้นจากความรับผิดชอบเดิม และทั้งจำเลยมิได้เปนหุ้นส่วนแก่กัน
ศาลฎีกาตัดสินยืนตามศาลอุทธรณ์ว่า ตามพฤติการณ์ในการลงแชร์ เข้าใจว่านายผลเปนหุ้นส่วนรายนี้ด้วย นายผลจึงต้องรับผิดชอบต่อโจทก์ เสมือนเปนหุ้นส่วนตามประมวลแพ่ง ม.๑๐๕๔ อีกประการหนึ่งการที่นายผลไม่ได้ลงชื่อเปนประกันในสัญญากู้นั้นไม่ทำให้พ้นจากความรับผิดชอบ เพราะนายเชยนางผิวกับโจทก์ต่างตกลงไม่ถือเอาหนังสือกู้เปนหลักฐาน โดยนายผลอิดเอื้อนไม่เซ็นเปนประกัน ได้เอาสัญญากู้คืนมาแลถือเอาใบเสร็จรับเงินแชร์ดังเดิม ฉะนั้นจึงไม่ปลดนายผลให้พ้นจากหนี้เดิมได้ จึงให้นายผลรับผิดชอบร่วมกับนายเชย นางผิว