คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยสมคบกันใช้ไม้ตีศีรษะนายสุขหลายทีถึงแก่ความตายโดยเจตนาฆ่า ขอให้ลงโทษจำเลยปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นเห็นว่าการกระทำของนายบัวจำเลย (ตอนท้าย) เมื่อนายสุขถูกนายจันสีจำเลยตีล้มลงแล้ว นายบัวจำเลยยังใช้ไม้ตีหัวซ้ำลงไปอีก 1 ทีนี้เกินสมควรแก่เหตุพิพากษาว่านายบัวมีผิดตาม กฎหมายอาญามาตรา 249, 50, 52, 53 และ 59 คงจำคุก 6 เดือนแต่ให้ปล่อยตัวไปเพราะขังมาพอกับโทษแล้ว ส่วนนายจันสีไม่มีความผิดให้ปล่อยตัวไป
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่านายบัวผู้เดียวมีความผิดตาม มาตรา 249, 59 คงจำคุก 7 ปี 6 เดือน
นายบัวจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าการกระทำของจำเลยในคดีนี้เป็นการติดต่อเกี่ยวพันกระชั้นชิดโดยตลอด กล่าวคือเมื่อนายสุขผู้ตายขัดขืนไม่ยอมให้จับนายจันสีจำเลยจึงเบี่ยงเข้าข้างตัวจะจับนายสุขเห็นก็แกว่งมีดจะเข้าแทงนายจันสี ๆ ถอยหลังสดุดคันนาล้ม นายสุขจะเข้าแทงนายจันสีทันใดนั้นนายบัวจำเลยก็เข้าตีนายสุขเสียก่อน นายสุขเซเงื้อมีดจะแทง นายบัวจำเลย นายจันสีจำเลยจึงเข้าตีนายสุขล้มลง กำลังนายสุขจะลุกขึ้นมาอีกก็ถูกนายบัวตีที่ศรีษะอีก 1 ทีถึงแก่ความตายดังนี้จะเห็นได้ว่าการที่นายบัวจำเลยเข้าตีศรีษะนายสุขครั้งหลังนี้แม้จะเป็นเวลาที่นายสุขล้มอยู่โดยถูกนายจันสีจำเลยตีก็ดีกรณีจะต้องพิจารณาตามพฤติการณ์รวมกันไป และการที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าการกระทำของนายบัว จำเลยเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย
จึงพิพากษาแก้ลงโทษนายบัวจำเลยตาม มาตรา 249, 53, 59 ส่วนกำหนดโทษคงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น