คดีนี้เนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยนำเงินมาไถ่จำนองโจทก์ หากไถ่ถอนไม่ได้ให้ขายทอดตลาดที่ดินรายจำนอง คดีระหว่างยึดที่ดินรายนี้เพื่อขายทอดตลาดผู้ร้องจึงยื่นคำร้องว่าผู้ร้องเป็นโจทก์ในอีกคดีหนึ่ง ศาลแพ่งพิพากษาให้จำเลยรับเงินจำนวนหนึ่งแล้ว โอนที่พิพาทรายนี้ให้ผู้ร้องโดยปลอดการจำนอง คดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์จึงขอให้ศาลนัดทุกฝ่ายมาตกลงกันครั้นนัดพร้อมกันแล้ว ผู้ร้องแถลงขอไถ่การจำนองเพื่อรับช่วงสิทธิการจำนองมาเป็นของผู้ร้อง และขอให้ถือว่าเงินที่จำเลยจะได้รับจากผู้ร้องนั้นได้ไถ่ถอนการจำนองรายนี้ด้วย จำเลยไม่แถลง ขอให้รอทนายแต่ปรากฎว่าไม่ได้แต่งทนายไว้ในคดีนี้ ส่วนโจทก์ไม่คัดค้าน ศาลชั้นต้นจึงสั่งอนุญาตตามที่จำเลยแถลง
จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าคดีนี้แม้โจทก์จะยินยอมตามข้อเสนอของผู้ร้องแต่จำเลยมิได้ตกลงยินยอมด้วย การที่ผู้ร้องเข้ารับช่วงสิทธิเป็นผู้รับจำนองแทนโจทก์ทำให้การจำนองยังคงอยู่มิได้ระงับไปเป็นการขัดต่อคำ บังคับของคำพิพากษาในคดีนี้ จึงพิพากษากลับให้ยกคำร้องของผู้ร้อง
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้จำเลยย่อมเข้ารับช่วงสิทธิไถ่ถอนการจำนองกับโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้จำนองจำเลยเพื่อรักษาผลประโยชน์ของตนมิให้เสื่อมเสียได้ตาม ป.พ.พ.ม. ๒๒๙ (๑),๒๓๐ จำเลยจะได้ตกลงด้วยหรือไม่ เป็นเหตุขัดข้อง เพราะตาม ม.๒๒๙ (๑) ,๒๓๐ ให้สิทธิแก่โจทก์ที่จะทำได้
จึงพิพากษากลับให้บังคับคดีตามคำสั่งศาลชั้นต้น