ผู้ร้องร้องว่าที่ดินโฉนดที่ ๒๕๙  เดิมมีชื่อผู้ร้อง นางชด และนายผาด  เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์  เมื่อวันที่ ๖ ตุลาคม ๒๔๙๑  นางเล็กได้ขอรับมรดกเฉพาะส่วนของนายผาด  และในวันเดียวกันนั้นเอง  นางเล็กได้ขายกรรมสิทธิ์ของตนให้แก่นายทองสามีผู้ร้อง  ที่แปลงนี้จึงมีชื่อผู้ร้อง  นายทองสามีผู้ร้อง  และนางชด  เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วมกัน  เมื่อ ๒๐ ปีเศษมานี้  นางชดได้สละกรรมสิทธิ์ส่วนของตนโดยอพยพไปอยู่จังหวัดสระบุรีและมิได้กลับเข้ามาครอบครองที่ดินแปลงนี้อีก  วันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๔๙๓  นายทองสามีผู้ร้องถึงแก่กรรม  ผู้ร้องจึงได้ครอบครองที่แปลงนี้ทั้งหมดแต่ผู้เดียวโดยสงบด้วยเปิดเผยโดยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันเป็นเวลาเกินกว่า ๑๐ ปีแล้ว  ผู้ร้องจึงได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินส่วนของนางชดและส่วนของนายทองสามีผู้ร้องด้วย  จึงขอให้ศาลมีคำสั่งว่าที่ดินส่วนของนางชดและนายทอง  เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้อง  ให้เจ้าพนักงานที่ดินถอนชื่อนางชด นายทอง ออกจากโฉนดที่ดินดังกล่าว  และลงชื่อผู้ร้องเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์แต่ผู้เดียว
ศาลแพ่งสั่งว่าไม่ใช่เรื่องที่ผู้ร้องจะต้องใช้สิทธิในทางศาลโดยการร้องขอ  เพราะตัวนางชดผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วมยังมีตัวอยู่และนายทองเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมอีกคนหนึ่งก็เป็นสามีผู้ร้อง  จึงไม่รับคำร้องของผู้ร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์  ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า  คดีนี้  ผู้ร้องยื่นคำร้องขอต่อศาลขอให้ไต่สวนคำร้องขอและสั่งเจ้าพนักงานที่ดินให้ถอนชื่อบุคคล ๒ คน คือนางชด และนายทองออกจากโฉนด  แล้วลงชื่อผู้ร้องเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์แต่ผู้เดียว  สำหรับนายทองนั้น  แม้ผู้ร้องจะอ้างว่าเป็นสามีผู้ร้องและว่าถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๔๙๓  ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเมื่อวันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๐๕  ซึ่งเป็นเวลาภายหลังนายทองตายกว่า ๑๐ ปี  ข้อความในคำร้องมีใจความว่า  ผู้ร้องได้เข้าครอบครองที่ดินส่วนของนางชดและส่วนของนายทองมาโดยความสงบและด้วยเปิดเผยโดยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันมา  คือ  ส่วนของนางชดประมาณ ๒๐ ปี  ส่วนของนายทองเกินกว่า ๑๐ ปี  ผู้ร้องจึงได้กรรมสิทธิ์ที่ดินส่วนของนายทองนั้น  ผู้ร้องมิได้อ้างว่าได้กรรมสิทธิ์ในฐานะเป็นทายาทผู้รับมรดก  แต่ผู้ร้องอ้างว่าได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองซึ่งหมายความว่าผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ด้วยการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๘๒ นั้นเอง
วิธีการจดทะเบียนการได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๑๓๘๒  นั้น  ผู้ได้กรรมสิทธิ์จะต้องปฏิบัติอย่างไรบ้าง  ประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา ๗๘  บัญญัติว่า  ให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงและกฎกระทรวงมหาดไทย ฉบับที่ ๗ (พ.ศ. ๒๔๙๗)  ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ บัญญัติหลักเกณฑ์และวิธีการไว้ในข้อ ๘ (๑)  ว่า  ผู้ได้มาต้องยื่นคำขอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่พร้อมด้วยคำพิพากษาหรือคำสั่งศาลอันถึงที่สุดแสดงว่าตนมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าวนั้น  เมื่อเช่นนี้  ผู้ร้องคดีนี้จึงมีสิทธิที่จะยื่นคำร้องขอฝ่ายเดียวเพื่อให้ศาลไต่สวนแสดงว่าตนมีกรรมสิทธิ์ตามกฎกระทรวงที่กล่าวนั้น  และตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๑๘๘(๑) ได้ ฯลฯ
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์  ให้ศาลแพ่งรับคำร้องขอของผู้ร้องไว้ไต่สวนต่อไปตามกระบวนความ