ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ ที่ขอให้ขับไล่ โดยฟังว่าเรือนเป็นของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 1 ไม่ใช่เจ้าของ ไม่มีอำนาจเอาไปจดทะเบียนที่อำเภอขายฝากให้โจทก์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาขับไล่โดยฟังว่า จำเลยที่ 2 ไม่มีพยานสืบหักล้างพยานโจทก์ เพราะจำเลยที่ 2 ไม่ยื่นระบุพยานก่อนวันพิจารณาตามระเบียบ จำเลยฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยเรื่องการยื่นระบุพยาน ดังนี้
"สำหรับฎีกาข้อแรกนั้นจริงอยู่จำเลยได้ยื่นบัญชีระบุพยานฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 โดยยื่นเมื่อเสร็จการสืบพยานโจทก์ซึ่งเป็นฝ่ายนำสืบก่อนไปแล้วแต่ตามมาตรา 87 อนุมาตรา 2 ตอนท้ายให้อำนาจศาลที่จะใช้ดุลพินิจเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม จำเป็นจะต้องสืบพยานหลักฐานสำคัญอันฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติดังกล่าว ก็ให้มีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานเช่นว่านั้นได้ คดีนี้ปรากฏว่าจำเลยไม่มีทนายว่าต่าง จำเลยดำเนินกระบวนพิจารณาด้วยตนเองตลอดมา การที่จำเลยที่ 2 ยื่นระบุพยานชักช้าน่าจะเป็นเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการ ศาลแพ่งผู้พิจารณาคงจะคำนึงถึงข้อนี้ใช้ดุลพินิจเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมจึงสั่งอนุญาตรับใบระบุพยานของจำเลยที่ 2 กับได้สืบพยานจำเลยที่ 2 ไปจนเสร็จสิ้นแล้ว ทั้งตามพฤติการณ์ในคดีนี้ ก็ไม่ถึงกับทำให้โจทก์เสียเปรียบในทางคดี กรณียังไม่สมควรที่ศาลอุทธรณ์จะแก้ไขดุลพินิจของศาลแพ่งที่ให้รับฟังพยานหลักฐานของจำเลยที่ 2 ซึ่งนำสืบมาแล้วนั้น"
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงตามศาลชั้นต้น และพิพากษากลับให้ยกฟ้อง