โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้ตามสำเนาสัญญากู้เงินท้ายฟ้อง
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยกู้เงินโจทก์แต่จำเลยลงลายมือชื่อในสัญญากู้ให้แก่โจทก์โดยมิได้กรอกข้อความเพราะจำเลยเป็นตัวแทนเล่นแชร์แทนโจทก์จำเลยมิได้เป็นหนี้โจทก์ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 40,230 บาทและดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปรากฏว่าในระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นโจทก์จำเลยตกลงท้ากันโดยให้กองพิสูจน์หลักฐานกรมตำรวจพิสูจน์ลายมือที่เขียนข้อความทั้งหมด และลายมือชื่อในช่องผู้กู้ในสัญญากู้ที่โจทก์นำมาฟ้องว่าเป็นลายมือของจำเลยทั้งหมดหรือไม่ ถ้าเป็นลายมือของจำเลย จำเลยยอมแพ้คดีและยอมชดใช้เงินให้โจทก์ตามฟ้อง ถ้าไม่ใช่ลายมือของจำเลยทั้งหมดโจทก์ยอมแพ้ทั้งนี้ยกเว้นลายมือในช่องผู้ให้กู้และในช่องพยาน ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เป็นไปตามคำท้า ผลการตรวจพิสูจน์และความเห็นของผู้เชี่ยวชาญตามรายงานการตรวจพิสูจน์ได้ความว่า ลายมือเขียนข้อความมีคุณสมบัติในการเขียนรูปร่างลักษณะตัวอักษรและตัวเลขอย่างเดียวกัน ในกรณีนี้จึงลงความเห็นว่า เป็นลายมือของบุคคลคนเดียวกัน ส่วนลายมือชื่อมีคุณสมบัติในการเขียน รูปร่างลักษณะตัวอักษรคล้ายคลึงกัน แต่เนื่องจากเป็นการตรวจลายมือชื่อที่มีรูปลักษณะเป็นตัวอักษรน้อยตัว ในกรณีนี้จึงลงความเห็นว่าน่าจะเป็นลายมือชื่อของบุคคลคนเดียวกัน
พิเคราะห์แล้ว มีปัญหาต้องวินิจฉัยในชั้นนี้ว่า ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับลายมือชื่อในช่องผู้กู้ในสัญญากู้เป็นลายมือของจำเลยหรือไม่เห็นว่า ผลการตรวจพิสูจน์และความเห็นของผู้เชี่ยวชาญตามรายงานการตรวจพิสูจน์ว่า ลายมือชื่อผู้กู้ในหนังสือสัญญากู้เอกสารหมาย จ.3 เปรียบเทียบกับลายมือชื่อของจำเลยตามเอกสารตัวอย่างปรากฏว่า ลายมือชื่อมีคุณสมบัติในการเขียนรูปร่างลักษณะของตัวอักษรคล้ายคลึงกัน แต่เนื่องจากเป็นการตรวจลายมือชื่อที่มีรูปลักษณะเป็นตัวอักษรน้อยตัว ในกรณีนี้จึงลงความเห็นว่าน่าจะเป็นลายมือชื่อของบุคคลคนเดียวกันตามปกติผลของการตรวจพิสูจน์และความเห็นของผู้เชี่ยวชาญนั้นถ้าลายมือชื่อที่ต้องการพิสูจน์ เมื่อเปรียบเทียบกับลายมือชื่อตัวอย่างแล้ว ถ้าเห็นว่าลักษณะตัวอักษรและลีลาในการเขียนแตกต่างกัน ผู้เชี่ยวชาญจะมีความเห็นในทางปฏิเสธว่ามิใช่ลายมือชื่อของบุคคลคนเดียวกัน แต่ในทางกลับกันเมื่อผู้เชี่ยวชาญตรวจเปรียบเทียบแล้วเห็นว่า รูปร่างลักษณะตัวอักษรคล้ายคลึงกันและลงความเห็นว่า น่าจะเป็นลายมือของบุคคลคนเดียวกันเช่นความเห็นของผู้เชี่ยวชาญในคดีนี้ ก็ถือได้ว่าผู้เชี่ยวชาญมีความเห็นว่าลายมือชื่อในสัญญากู้เงินตามฟ้องเป็นลายมือชื่อของจำเลยตรงตามคำท้าซึ่งเป็นคุณแก่ฝ่ายโจทก์ เป็นเหตุให้จำเลยเป็นฝ่ายแพ้คดีตามคำท้าแล้ว หาจำต้องนำเอาข้อเท็จจริงอื่นมาฟังประกอบอีกด้วยไม่ ดังนั้นปัญหาที่ว่าการที่ศาลอุทธรณ์หยิบยกเอาข้อเท็จจริงว่า จำเลยยอมรับว่าได้ลงลายมือชื่อในคำให้การมาวินิจฉัยร่วมกับผลการตรวจพิสูจน์ของผู้เชี่ยวชาญเป็นการชอบหรือไม่นั้น เห็นว่า ไม่จำเป็นต่อรูปคดี จึงไม่ต้องวินิจฉัยต่อไป
พิพากษายืน.