โจทก์ฟ้องว่า  จำเลยร่วมกันมีแร่ดีบุก ๑,๘๖๗ กิโลกรัม ไว้ในครอบครอง  โดยไม่ได้รับอนุญาต  และร่วมกันขนแร่ดีบุกดังกล่าวจำนวนเกินกว่าร้อยละห้าตามใบอนุญาตที่ได้กำหนดไว้ให้ขนแร่ได้เพียง ๑,๓๕๐ กิโลกรัม  โดยไม่ได้รับอนุญาต   ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติแร่  พ.ศ. ๒๕๑๐  มาตรา ๑๐๕,  ๑๐๘,  ๑๑๐,  ๑๔๘,  ๑๕๔,  ๑๕๕     พระราชบัญญัติแร่  (๒)  มาตรา ๓๑,  ๓๒,  ๓๙,  ๔๐   จ่ายเงินสินบนแก่ผู้นำจับและเงินรางวับแก่เจ้าพนักงานผู้จับ  ริบแร่ดีบุกของกลาง
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามฟ้องปรับคนละ ๑๐,๐๐๐ บาท  ริบแร่ดีบุกของกลาง ฯลฯ
จำเลยที่ ๑   อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๑  ฎีกา   ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาเฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า  การที่จำเลยทั้งสองขนแร่ ๑,๘๖๗ กิโลกรัม เกินกว่าที่ได้รับอนุญาต ๕๑๗ กิโลกรัม  เป็นจำนวนเกินกว่าร้อยละห้า  ตามข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ฟังมา  ถือว่าจำเลยที่ ๑ ขนแร่ดีบุก ๑,๘๖๗ กิโลกรัมของกลางโดยมิได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๑๐  มาตรา ๑๑๐  และการที่จำเลยที่ ๑ ขนแร่ดีบุกของกลางไป  ก็ถือได้ว่าจำเลยที่ ๑ ครอบครองแร่ดีบุกของกลางโดยไม่ได้รับอนุญาต    อนึ่ง  บทกฎหมายดังกล่าว  มุ่งหมายให้มีการขนแร่ดีบุกจำนวนที่กำหนดไว้ในอนุญาตเป็นสำคัญ   ถึงแม้ว่าจำเลยที่ ๑  ไม่ใช่ผู้รับใบอนุญาตขนแร่ แต่เมื่อจำเลยที่ ๑ เป็นผู้ขนและกฎหมายถือว่าแร่ดีบุกของกลางเป็นแร่ที่ขนโดยไม่ได้รับอนุญาต  ก็เท่ากับว่าจำเลยที่ ๑  ครอบครองแร่ดีบุกของกลางโดยไมได้รับอนุญาต  และขนแร่ดีบุกของกลางโดยไม่ได้รับอนุญาตนั่นเอง
พิพากษายืน