โจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 102 และริบเมทแอมเฟตามีนกับสกอตเทปของกลาง
จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพว่า มีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเพียง 10,000 เม็ด
จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า พยานโจทก์เป็นผู้ร่วมจับกุมจำเลยทั้งสี่พร้อมเมทแอมเฟตามีนของกลาง ทั้งเป็นเจ้าพนักงานผู้ปฏิบัติการตามหน้าที่ ไม่เคยรู้จักหรือมีเหตุระแวงสงสัยว่าจะปรักปรำจำเลยทั้งสี่ คำเบิกความมีสาระสำคัญเชื่อมโยงเหตุการณ์มีเหตุผลสอดคล้องต้องกัน จึงมีน้ำหนักรับฟัง ประกอบกับจำเลยทั้งสี่ก็ให้การรับสารภาพในชั้นจับกุม เชื่อว่ารับสารภาพโดยสมัครใจ ฟังได้ว่าจำเลยทั้งสี่ร่วมกันกระทำความผิดตามฟ้อง พิพากษาว่า จำเลยทั้งสี่มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสอง, 66 วรรคหนึ่ง การกระทำของจำเลยทั้งสี่เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ความผิดฐานมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ให้จำคุกตลอดชีวิต ความผิดฐานจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ให้จำคุกตลอดชีวิต จำเลยทั้งสี่ให้การรับสารภาพในชั้นจับกุม เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา นับเป็นเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 53 คงจำคุกกระทงละ 33 ปี 4 เดือน แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว คงจำคุกคนละ 50 ปี ริบเมทแอมเฟตามีนและสกอตเทปของกลาง
จำเลยทั้งสี่อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า พยานโจทก์เป็นเจ้าพนักงานของรัฐ ปฏิบัติการไปตามหน้าที่ ทั้งเป็นผู้ร่วมจับกุมจำเลยทั้งสี่ โดยพยานเบิกความเป็นลำดับขั้นตอนนับแต่สืบทราบว่ามีการลักลอบจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน การวางแผนจับกุม การสืบสวนขยายผลจนจับกุมจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 โดยมีวัตถุพยานและพยานเอกสารเชื่อมโยงระหว่างจำเลยทั้งสี่อย่างไม่ขาดตอน เชื่อได้ว่าจำเลยทั้งสี่ร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนตามฟ้อง และเนื่องจากมีการยกเลิกพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 โดยให้ใช้ข้อความใหม่แทน จึงต้องใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่จำเลยทั้งสี่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 และสมควรแก้ไขโทษในความผิดฐานร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้เหมาะสมสอดคล้องกับบทกฎหมายที่แก้ไขใหม่ พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสี่มีความผิดฐานร่วมกันมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสอง (เดิม), 66 วรรคสอง (เดิม) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 กระทงหนึ่ง และฐานร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง (เดิม), 66 วรรคหนึ่ง (ที่แก้ไขใหม่) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ให้จำคุกคนละ 15 ปี อีกกระทงหนึ่ง ลดโทษให้จำเลยที่ 1 กึ่งหนึ่ง และลดโทษให้จำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 คนละหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 7 ปี 6 เดือน จำคุกจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 คนละ 10 ปี เมื่อรวมกับโทษในความผิดกระทงแรกตามที่ศาลชั้นต้นกำหนดแล้ว เป็นจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 40 ปี 10 เดือน จำคุกจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 คนละ 43 ปี 4 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสี่ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยทั้งสี่ร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจำนวน 10,000 เม็ด ให้แก่สายลับ แม้โจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องว่า เมทแอมเฟตามีนจำนวนดังกล่าวมีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์เท่าใด แต่โจทก์บรรยายฟ้องมาแล้วว่าเมทแอมเฟตามีนของกลางจำนวน 50,000 เม็ด ที่จำเลยทั้งสี่ร่วมกันมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายมีน้ำหนัก 4,573.015 กรัม คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 574.911 กรัม ซึ่งคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์เกินหนึ่งร้อยกรัม อันเป็นการบรรยายฟ้องให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสอง (เดิม), 66 วรรคสอง (เดิม) แล้ว และเมทแอมเฟตามีนที่จำเลยทั้งสี่ร่วมกันจำหน่ายจำนวน 10,000 เม็ด เป็นส่วนหนึ่งของเมทแอมเฟตามีนจำนวน 50,000 เม็ด ที่โจทก์บรรยายฟ้องมาครบองค์ประกอบความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสอง (เดิม), 66 วรรคสอง (เดิม) และตามรายงานการตรวจพิสูจน์เมทแอมเฟตามีนของกลาง ซึ่งจำเลยทั้งสี่มิได้นำสืบโต้แย้งคัดค้าน เมทแอมเฟตามีนของกลางจำนวน 50,000 เม็ด ตรวจพบปริมาณเมทแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 574.911 กรัม และมีเมทแอมเฟตามีนของกลางที่เหลือจากการตรวจพิสูจน์ 4.530 กรัม ปริมาณสารบริสุทธิ์ของเมทแอมเฟตามีนตามรายงานการตรวจพิสูจน์ดังกล่าวเห็นว่าเป็นการนำเมทแอมเฟตามีนบางส่วนตรวจพิสูจน์หาปริมาณสารบริสุทธิ์แล้วจึงนำผลที่ได้มาคำนวณหาปริมาณสารบริสุทธิ์ของเมทแอมเฟตามีนของกลางจำนวน 50,000 เม็ด ซึ่งสอดคล้องกับบทบัญญัติของพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 ที่กำหนดปริมาณสารบริสุทธิ์ของยาเสพติดให้โทษโดยการคำนวณ เมื่อเมทแอมเฟตามีนจำนวน 10,000 เม็ด เป็นส่วนหนึ่งของเมทแอมเฟตามีนจำนวน 50,000 เม็ด ของกลาง จึงคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ของเมทแอมเฟตามีนจำนวน 10,000 เม็ด ดังกล่าวได้เช่นเดียวกันว่าเป็นสารบริสุทธิ์ 114.982 กรัม ซึ่งเกินกว่าร้อยกรัมโดยไม่มีข้อสงสัยว่าเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวอาจมีส่วนผสมที่แตกต่างกับเมทแอมเฟตามีนส่วนอื่นที่จะทำให้ปริมาณสารบริสุทธิ์คำนวณได้ไม่ถึงหนึ่งร้อยกรัม กรณีจึงลงโทษจำเลยทั้งสี่ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสอง (เดิม), 66 วรรคสอง (เดิม) ซึ่งความผิดตามมาตรานี้มีโทษจำคุกตลอดชีวิตหรือประหารชีวิต ที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสี่ฐานร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนคนละ 15 ปี จึงไม่ถูกต้อง ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225 แต่โจทก์มิได้ฎีกาในปัญหาดังกล่าว ศาลฎีกาไม่อาจลงโทษจำคุกเกินกว่าที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาได้ เพราะจะเป็นการพิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลยทั้งสี่ ซึ่งต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212 ประกอบ มาตรา 225
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสี่มีความผิดฐานร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสอง (เดิม), 66 วรรคสอง (เดิม) นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์