โจทย์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๔๙๖ เวลากลางวัน จำเลยทั้งสองได้ใช้ศาสตราวุธขู่เข็ญและฉุดคร่าห์นางสาวแจ บุญศรี ไปเพื่อการอนาจาร แล้วจำเลยที่ ๑ ได้ข่มขืนกระทำชำเรานางสาวแจ ๓ ครั้ง จำเลยเคยต้องโทษมาก่อน ขอให้ลงโทษและเพิ่มโทษ
จำเลยที่ ๑ รับว่าได้ฉุดคร่าห์ผู้เสียหายเพื่อการอนาจารจริงแต่ปฏิเสธว่าไม่ได้ข่มขืนกระทำชำเรา จำเลยที่ ๒ ปฏิเสธข้อต้องโทษและพ้นโทษจำเลยทั้งสองรับตามฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ ๑ ผิด ก.ม.อาญา ม.๒๔๓ จำคุก ๓ ปีและผิด ม.๒๗๖ จำคุก ๑ ปีรวมจำคุกจำเลยที่ ๑ สองกะทง ๔ ปี เพิ่มโทษตาม ม.๗๓ กึ่งหนึ่ง เป็น ๖ ปี และให้กักกันจำเลยที่ ๑ มีกำหนด ๕ ปี ส่วนจำเลยที่ ๒ ผิด ม.๒๗๖ จำคุก ๖ เดือน เพิ่มโทษตาม ม.๗๒ อีก ๑ ใน ๓ เป็น ๘ เดือน
จำเลยที่ ๑ ผู้เดียวอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าศาลอุทธรณ์ได้พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่ ๑ แต่กะทง ไม่เกิน ๕ ปี จำเลยที่ ๑ จะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ จึงพิพากษาให้ยกฎีกาของจำเลยที่ ๑ เสีย