โจทก์ฟ้องขอให้จำหน่ายหรือขายทอดตลาดที่ดินโฉนดเลขที่ 93368 เลขที่ดิน 917 ตำบลหนองหาร อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ เนื้อที่ประมาณ 99 ตารางวา พร้อมสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินดังกล่าว เป็นบ้านเลขที่ 399/139 หมู่ที่ 10 ตำบลหนองหาร อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ แล้วนำเงินที่ได้ทั้งหมดคืนโจทก์
ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องแล้วเห็นว่า คำฟ้องของโจทก์เป็นคดีแพ่งที่ฟ้องเกี่ยวกับครอบครัว ซึ่งต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จึงเป็นคดีครอบครัวตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 ศาลชั้นต้นจึงไม่มีเขตอำนาจรับฟ้องของโจทก์คดีนี้ไว้พิจารณา จึงมีคำสั่งไม่รับฟ้องโจทก์ จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ คืนค่าขึ้นศาลแก่โจทก์เต็มจำนวน
โจทก์ยื่นคำร้องขออนุญาตยื่นอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาพร้อมคำฟ้องอุทธรณ์
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เห็นว่า แม้คดีนี้โจทก์ยื่นอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายพร้อมคำร้องขออนุญาตยื่นอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกา และศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์อุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาและรับอุทธรณ์ของโจทก์ โดยที่ศาลชั้นต้นมิได้ส่งสำเนาคำฟ้องอุทธรณ์และสำเนาคำร้องอนุญาตอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาแก่จำเลยอุทธรณ์เพื่อให้มีโอกาสคัดค้านคำร้องก่อน อันเป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ ก็ตาม แต่เมื่อคดีขึ้นสู่ศาลฎีกาและศาลฎีกาเห็นว่าคดีสามารถวินิจฉัยได้แล้ว จึงไม่จำต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นดำเนินการให้ถูกต้องตามบทบัญญัติดังกล่าวก่อน ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในคำฟ้องว่า คำฟ้องของโจทก์เป็นคดีแพ่งที่ฟ้องเกี่ยวกับครอบครัว ซึ่งต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จึงเป็นคดีครอบครัวตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 ศาลชั้นต้นจึงไม่มีเขตอำนาจรับฟ้องของโจทก์คดีนี้ไว้พิจารณานั้น เป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยในปัญหาว่าคดีนี้อยู่ในอำนาจศาลเยาวชนและครอบครัวหรือศาลยุติธรรมอื่น ซึ่งตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 มาตรา 11 กำหนดให้ประธานศาลฎีกาแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้นเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาด ศาลชั้นต้นและศาลฎีกาหามีอำนาจวินิจฉัยในปัญหาดังกล่าวไม่คำพิพากษาของศาลชั้นต้นจึงไม่ชอบด้วยกฎหมายข้างต้น ศาลฎีกาจึงเห็นควรส่งสำนวนคดีนี้ไปให้ศาลชั้นต้นดำเนินการส่งให้ประธานศาลฎีกาวินิจฉัยชี้ขาดตามบทกฎหมายดังกล่าวต่อไป ปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5) ประกอบมาตรา 246 และ 247
พิพากษายกอุทธรณ์โจทก์และคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ส่งสำนวนคืนศาลชั้นต้นเพื่อดำเนินการส่งไปให้ประธานศาลฎีกาวินิจฉัยชี้ขาดในปัญหาว่า คดีนี้อยู่ในอำนาจศาลเยาวชนและครอบครัวหรือไม่ เมื่ออ่านคำวินิจฉัยของประธานศาลฎีกาในปัญหาดังกล่าวแล้ว ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป