คดีนี้โจทก์ฟ้องเรียกคืนเงินที่จำเลยรับจากโจทก์เกินไป 8,742.22 บาทโดยที่โจทก์จำเลยกับนายกิตต์กวง ได้ตกลงกันตามสัญญาท้ายฟ้องในอีกคดีหนึ่งวางเงินคนละเท่า ๆ กันไว้กับคนกลางเมื่อคดีนั้นถึงที่สุดแล้วผู้ใดมีสิทธิได้รับตามคำพิพากษาเท่าใดก็ไปรับจากคนกลางได้ ผลที่สุดจำเลยชนะจึงไปรับเงินนั้นทั้งหมดและยังยึดทรัพย์โจทก์ โจทก์และนายกิตต์กวงใช้ค่าธรรมเนียมค่าทนายในคดีนั้นอีกตามจำนวนที่โจทก์เรียกร้องจำเลยให้การปฏิเสธว่า ไม่ได้รับเงินเกินมาได้รับเงินที่โจทก์นายกิตต์กวงวางไว้กับของจำเลย ส่วนเงินค่าธรรมเนียมค่าทนายโจทก์และนายกิตต์กวงวางศาลนั้นที่เกินจำเลยก็คืนศาลแล้ว
คู่ความต่างแถลงรับข้อเท็จจริงบางข้อและรับกันว่าสัญญาท้ายฟ้องถูกต้องต่างไม่สืบพยาน
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโดยที่สัญญาไม่มีใจความชัดแจ้งว่าจำเลยจะได้รับชำระหนี้เพียงเงินที่วางไว้กับคนกลางเท่านั้น
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาต่อมาเกี่ยวกับการแปลสัญญาท้ายฟ้องข้อ 1, 2
ศาลฎีกาเห็นว่าตามสัญญาที่โจทก์จำเลยและนายกิตต์กวงได้ตกลงทำกันไว้ดังกล่าวเบื้องต้นไม่มีข้อความใดตัดสิทธิจำเลยว่าเมื่อโจทก์และนายกิตต์กวงแพ้คดีจำเลยแล้วห้ามมิให้จำเลยเรียกเงินนอกจากที่วางไว้ได้อีก ฉะนั้นเมื่อโจทก์และนายกิตต์กวงแพ้คดีจำเลยและจำต้องเสียเงินเกินกว่าจำนวนที่วางไว้ จำเลยจึงมีสิทธิจะบังคับเอาได้อีกส่วนเงินที่จำเลยวางไว้เผื่อว่าเมื่อแพ้คดีจะได้ชำระให้แก่โจทก์และนายกิตต์กวงนั้น เมื่อจำเลยเป็นฝ่ายชนะคดีจำเลยจึงมีสิทธิเรียกเงินของจำเลยจากนายยือเคียม แซ่โกวคนกลางผู้รักษาเงินไว้คืนไปได้
จึงพิพากษายืน