คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยเป็นสามีภริยากันเกิดบุตรด้วยกัน ๕ คน โจทก์มีสินเดิม เกิดที่ดินเป็นสินสมรสรวม ๖ แปลง แต่ลงชื่อจำเลยในโฉนดคนเดียว โจทก์ขอลงชื่อเป็นเจ้าของร่วมด้วย จำเลยไม่ยอม จึงขอให้ศาลบังคับ
จำเลยปฏิเสธว่า ไม่ใช่สินสมรส
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ลงชื่อโจทก์ในโฉนดที่ดินตามที่โจทก์ฟ้องร่วมกับจำเลย
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาต่อมา
ศาลฎีกาเห็นว่า เรื่องที่ดินสมรสระหว่างสามีภริยาอันมีโฉนดแล้ว มีมาตรา ๑๔๖๗ ป.ม.แพ่งฯบัญญัติไว้ว่า "ถ้าทรัพย์สินใด ซึ่งรวมอยู่ในสินสมรส เป็นจำพวกที่ระบุไว้ในมาตรา ๔๕๖ แห่งประมวลกฎหมายนี้ หรือที่มีเอกสารเป็นสำคัญสามีหรือภริยาจะร้องขอให้ลงชื่อตนเป็นเจ้าของร่วมกันในเอกสารนั้น ก็ได้"
คดีนี้
ที่ดิน ๖ โฉนดที่โจทก์ฟ้อง เป็นสินสมรสระหว่างโจทก์จำเลยเป็นจำพวกทรัพย์สินที่ระบุไว้ในมาตรา ๔๕๖ จึงต้องบังคับตามมาตรา ๑๔๖๗ แม้โจทก์จำเลยจะเป็นสามีภริยากันมาก่อนใช้ ป.ม.แพ่งฯบรรพ ๕ ว่าด้วยครอบครัวก็ดี โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องขอให้ลงชื่อโจทก์เป็นเจ้าของร่วมในโฉนดที่ดินได้ ดังมีคำพิพากษาฎีกาที่ ๑๘๕/๒๔๙๒ เป็นแบบอย่างอยู่แล้ว
จึงพิพากษายืน