คดีสืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2559 ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาด และวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2561 มีคำพิพากษาให้จำเลยเป็นบุคคลล้มละลาย ภายหลังมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดนางศิริพงษ์ นางสุภานันท์ และนายภิวัฒน์ โจทก์ทั้งสามในคดีหมายเลขแดงที่ 2266/2556 ของศาลแพ่งกรุงเทพใต้ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในมูลหนี้ตามคำพิพากษาดังกล่าวจากกองทรัพย์สินของจำเลยต่อผู้คัดค้านเป็นเจ้าหนี้รายที่ 2 ต่อมาวันที่ 5 มีนาคม 2561 เจ้าพนักงานบังคับคดีในคดีหมายเลขแดง ที่ 2266/2556 ของศาลแพ่งกรุงเทพใต้ โดยความยินยอมของผู้คัดค้านออกประกาศขายทอดตลาดอาคาร TWIN PEAKS RESIDENCE ซึ่งเป็นตึกอพาร์ตเมนต์สูง 8 ชั้น จำนวน 74 ห้อง จำนวน 2 อาคาร มีชื่อจำเลยเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ ปลูกสร้างบนที่ดินโฉนดเลขที่ 3507 มีชื่อนางศิริพงษ์ และนางสุภานันท์ เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ และที่ดินโฉนดเลขที่ 3611 มีชื่อนางศิริพงษ์ และนายภิวัฒน์ เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ โดยมีราคาที่กำหนดโดยคณะกรรมการกำหนดราคาทรัพย์จำนวน 95,285,250 บาท
โจทก์ยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนคำสั่งของผู้คัดค้านและให้งดการขายทอดตลาดไว้ก่อน
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้อง
ศาลล้มละลายกลางวินิจฉัยว่า จำเลยเป็นเพียงเจ้าของกรรมสิทธิ์ในอาคารพิพาทไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดิน ดังนั้น การที่ผู้ซื้ออาคารพิพาทจากการขายทอดตลาดมีสิทธิรื้อถอนไปหรือไปติดต่อเจ้าของที่ดินที่อาคารพิพาทตั้งอยู่โดยชอบแล้วหามีกฎหมายห้ามไม่ คำสั่งของผู้คัดค้านชอบแล้ว จึงมีคำสั่งยกคำร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมเป็นพับ
โจทก์ยื่นคำร้องขออนุญาตอุทธรณ์และอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ
ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษมีคำสั่งว่า คำสั่งของศาลล้มละลายกลางชอบแล้ว กรณีไม่มีเหตุสมควรอนุญาตให้อุทธรณ์และไม่มีข้อผิดพลาดที่ต้องแก้ไขเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม จึงให้ยกคำร้อง
โจทก์ฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความมิได้ฎีกาโต้แย้งกันรับฟังยุติว่า เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2546 จำเลยทำสัญญาเช่าที่ดินโฉนดเลขที่ 3507 และ 3611 จากเจ้าหนี้รายที่ 2 เพื่อก่อสร้างอาคาร ชื่อ TWIN PEAKS RESIDENCE มีกำหนดระยะเวลาเช่า 30 ปี แต่จำเลยผิดสัญญา เจ้าหนี้รายที่ 2 จึงฟ้องจำเลยต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้และศาลแพ่งกรุงเทพใต้มีคำพิพากษาในคดีหมายเลขแดงที่ 2266/2556 ให้จำเลยชำระเงินค่าเช่าแก่เจ้าหนี้รายที่ 2 แต่จำเลยเพิกเฉย เจ้าหนี้รายที่ 2 จึงขอให้ศาลแพ่งกรุงเทพใต้บังคับคดีแก่จำเลย วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2559 เจ้าหนี้รายที่ 2 ได้มอบอำนาจให้ผู้แทนนำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดอาคาร TWIN PEAKS RESIDENCE ของจำเลย ซึ่งตั้งอยู่บนที่ดินของเจ้าหนี้รายที่ 2 และเมื่อศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดเจ้าหนี้รายที่ 2 ได้นำหนี้ดังกล่าวมายื่นคำขอรับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของจำเลยต่อผู้คัดค้านเป็นเงิน 139,946,959 บาท ต่อมาวันที่ 5 มีนาคม 2561 เจ้าพนักงานบังคับคดีในคดีหมายเลขแดงที่ 2266/2556 ของศาลแพ่งกรุงเทพใต้ โดยความยินยอมของผู้คัดค้าน ออกประกาศขายทอดตลาดอาคาร TWIN PEAKS RESIDENCE กรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ตั้งอยู่บนที่ดินของเจ้าหนี้รายที่ 2 โดยมีหมายเหตุในประกาศขายทอดตลาดว่า "...ผู้ซื้อได้ต้องไปขออนุญาตต่อเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อทำการรื้อถอนอาคารออกจากที่ดินโฉนดเลขที่ 3507 และ 3611 พร้อมขนย้ายเศษซากวัสดุจากการรื้อถอนอาคารออกจากที่ดินข้างต้นโดยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายเอง" และมีคำเตือนผู้ซื้อในย่อหน้าที่สามว่า "ผู้ใดซื้อได้ให้รื้อถอนไปหรือติดต่อกับเจ้าของที่ดินเอง"
คดีมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยว่า ประกาศขายทอดตลาดในคดีหมายเลขแดงที่ 2266/2556 ของศาลแพ่งกรุงเทพใต้ที่กำหนดให้ซื้ออาคารสิ่งปลูกสร้างแบบรื้อถอนไปหรือติดต่อเจ้าของที่ดินเองชอบหรือไม่ เห็นว่า อาคารพิพาทเป็นอาคารที่จำเลยปลูกสร้างลงบนที่ดินของเจ้าหนี้รายที่ 2 โดยอาศัยสิทธิตามสัญญาเช่าที่ดิน เมื่อสัญญาเช่าระงับลงโดยไม่มีข้อตกลงเป็นอย่างอื่น จำเลยผู้เช่าต้องรื้อถอนอาคารออกจากที่ดินที่เช่า ดังนั้น เมื่ออาคารพิพาทถูกเจ้าพนักงานบังคับคดียึดมาเพื่อบังคับชำระหนี้ การขายอาคารพิพาทจึงต้องขายโดยผู้ซื้อรื้ออาคารออกไปจากที่ดินของเจ้าหนี้รายที่ 2 เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่อาจกำหนดวิธีการขายทอดตลาดเป็นอย่างอื่น การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ประกาศขายทอดตลาด โดยมีหมายเหตุให้ผู้ซื้อต้องไปขออนุญาตต่อเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อทำการรื้อถอนอาคารออกจากที่ดินของเจ้าหนี้รายที่ 2 พร้อมขนย้ายเศษซากวัสดุจากการรื้อถอนอาคารออกจากที่ดินข้างต้นโดยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายเอง จึงชอบด้วยกฎหมาย ประกอบกับการขายทอดตลาดมีวัตถุประสงค์เพื่อให้บุคคลทั่วไปเข้าร่วมประมูลสู้ราคา เจ้าหนี้รายที่ 2 ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินจึงมีสิทธิตามกฎหมายที่จะเข้าร่วมประมูล การที่ผู้ซื้ออาคารได้จะไปตกลงกับเจ้าของที่ดินภายหลังการประมูลก็เป็นสิทธิตามกฎหมายของผู้ซื้อที่จะไปดำเนินการและเป็นเรื่องในอนาคตที่นอกเหนือการจัดการของเจ้าพนักงานบังคับคดีและผู้คัดค้าน การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีกำหนดคำเตือนผู้ซื้อว่า ผู้ใดซื้อได้ให้รื้อถอนไปหรือติดต่อกับเจ้าของที่ดินเองนั้น ชอบแล้ว ทั้งตามคำร้องโจทก์ก็มิได้โต้แย้งราคาขายทอดตลาดที่เจ้าพนักงานบังคับคดีกำหนดรวมถึงหมายเหตุที่ให้ซื้อทรัพย์พิพาทโดยการรื้อถอนเพียงแต่ตั้งข้อสังเกตว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่มีมาตรการใด ๆ ในการติดตามหรือบังคับให้ผู้ซื้อทรัพย์ต้องรื้อถอนทรัพย์ที่ซื้อ ซึ่งอาจเป็นช่องทางที่ทำให้เจ้าหนี้รายที่ 2 ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินได้ประโยชน์มากกว่าเจ้าหนี้รายอื่นเท่านั้น การที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งยกคำร้องของโจทก์และศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษไม่อนุญาตให้โจทก์อุทธรณ์คำสั่งของศาลล้มละลายกลางดังกล่าวนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้นพิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ