คดีนี้ โจทก์ฟ้องห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้องในที่ดินพิพาท จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลพิจารณาคดีใหม่โดยเหตุว่าจำเลยไม่ทราบว่าถูกต้อง และเหตุที่ยื่นคำร้องเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาที่กฎหมายบัญญัติไว้เพราะจำเลยค้นหาหลักฐานให้ทนายแล้ว จำเลยป่วยไม่สามารถนำหลักฐานให้ทนายได้
โจทก์คัดค้านว่าจำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วเห็นว่าจำเลยมิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การ และเหตุที่จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ล่าช้า เพราะจำเลยป่วยเป็นพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ จำเลยจึงยื่นคำร้องภายใน ๑๕ วันภายหลังจากจำเลยหายป่วยแล้ว มีคำสั่งให้พิจารณาคดีใหม่
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีเหตุสงสัยไม่น่าเชื่อว่าได้มีการปิดหมายเรียกสำเนาฟ้องและหมายนัดแจ้งกำหนดวันนับสืบพยานโจทก์ให้จำเลย ณ บ้านเรือนหรือสำนักทำการงานของจำเลย จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้รับมอบเรียกและสำเนาฟ้องโดยชอบ จะถือว่าจำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาไม่ได้ และเมื่อปรากฏว่าจำเลยได้รับคำบังคับของศาลเมื่อวันที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๑๗ จึงได้ไปปรึกษาทนายความ ทนายความให้จำเลยไปค้นหาเอกสารและนัดพบ แต่จำเลยเจ็บป่วยเป็นไข้มาเลเซียตั้งแต่วันที่ ๑๘ สิงหาคม ถึง ๒๕ สิงหาคม จึงหาย จำเลยจึงยื่นคำร้องให้พิจารณาใหม่ในวันที่ ๙ กันยายน ๒๕๑๗ ซึ่งอยู่ในระยะเวลา ๑๕ วันนับจากวันที่จำเลยหายป่วยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๐๘
พิพากษายืน