โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 4, 7, 8 ทวิ, 34, 72, 72 ทวิ, 73 ทวิ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 58, 80, 91, 371 ริบของกลาง และบวกโทษจำคุกของจำเลยที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 534/2563 ของศาลชั้นต้น เข้ากับโทษจำคุกของจำเลยคดีนี้
จำเลยให้การรับสารภาพ และรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้บวกโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 34, 72 วรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคสอง, 73 ทวิ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 1 ปี ฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและโดยไม่มีเหตุสมควร เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 1 ปี ฐานพยายามจำหน่ายอาวุธปืน จำคุก 1 ปี รวมจำคุก 3 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 ปี 6 เดือน บวกโทษจำคุก 2 เดือน ที่รอการลงโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 534/2563 ของศาลชั้นต้นเข้ากับโทษจำคุกจำเลยคดีนี้ เป็นจำคุก 1 ปี 8 เดือน ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษาแก้เป็นว่า ความผิดฐานพยายามจำหน่ายอาวุธปืนตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2590 (ที่ถูก พ.ศ. 2490) ให้ลงโทษตามมาตรา 34, 73 ทวิ ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80 ความผิดฐานพาอาวุธปืน จำคุก 6 เดือน ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 3 เดือน เมื่อรวมกับโทษความผิดฐานอื่นตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น เป็นจำคุก 1 ปี 3 เดือน บวกโทษจำคุก 2 เดือน ที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 534/2563 ของศาลชั้นต้น รวมจำคุก 1 ปี 5 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า กรณีมีเหตุสมควรรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้จำเลยกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน ซึ่งอาวุธปืนของกลางโดยสภาพเป็นอาวุธที่ร้ายแรงสามารถใช้ยิงทำอันตรายแก่ชีวิตและร่างกายได้ ทั้งยังเป็นอาวุธปืนที่ไม่มีเครื่องหมายทะเบียนของเจ้าพนักงานประทับไว้ หากนำไปใช้ก่อเหตุร้ายย่อมเป็นการยากที่จะติดตามหาตัวผู้กระทำความผิด กับจำเลยยังพาอาวุธปืนของกลางไปในบริเวณที่เกิดเหตุซึ่งเป็นทางสาธารณะและพยายามจำหน่ายอาวุธปืนของกลางให้แก่ผู้อื่นซึ่งไม่ได้รับใบอนุญาตให้ซื้อหรือมีและใช้อาวุธปืน เพียงเพื่อประสงค์ผลประโยชน์ส่วนตนในทางการค้าโดยมิชอบ อันเป็นการกระทำที่อุกอาจไม่เคารพยำเกรงต่อกฎหมาย พฤติการณ์แห่งคดีนับว่าเป็นเรื่องร้ายแรง แม้จะไม่ปรากฏว่า จำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อนและมีเหตุผลความจำเป็นส่วนตัวดังที่กล่าวอ้างมาในฎีกาก็ตาม กรณียังไม่มีเหตุสมควรที่จะรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลย ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง การที่ศาลชั้นต้นเรียงกระทงลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 1 ปี ฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 1 ปี และฐานพยายามจำหน่ายอาวุธปืน จำคุก 1 ปี รวมจำคุก 3 ปี แล้วจึงลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 ปี 6 เดือน นั้น เป็นการไม่ชอบ เพราะที่ถูกศาลชั้นต้นจะต้องลดโทษให้จำเลยเป็นรายกระทงก่อน แล้วจึงรวมโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 และศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษาแก้บทลงโทษฐานพยายามจำหน่ายอาวุธปืนให้ถูกต้องและแก้โทษฐานพาอาวุธปืนฯ เท่านั้น โดยมิได้พิพากษาแก้ไขการลดโทษดังกล่าวเป็นการไม่ชอบ ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้คู่ความมิได้ยกฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยและแก้ไขให้ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
พิพากษาแก้เป็นว่า ก่อนรวมโทษ เมื่อลดโทษให้จำเลยเป็นรายกระทงกึ่งหนึ่งแล้ว คงลงโทษฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 6 เดือน ฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 3 เดือน และฐานพยายามจำหน่ายอาวุธปืน จำคุก 6 เดือน รวมจำคุก 15 เดือน บวกโทษจำคุก 2 เดือน ที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 534/2563 ของศาลชั้นต้น เป็นจำคุก 17 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7