โจทก์ฟ้องว่า นายยิ่ม แซ่เซียว จำนองที่ดินไว้กับโจทก์ นายยิ่มตาย โจทก์ขอให้จำเลยในฐานะทายาทผู้รับมรดกชำระหนี้จำนองแทน จำเลยได้รับหนังสือบอกกล่าวแล้วแจ้งว่าไม่มีเงินจะไถ่ถอนจำนองได้ ขอให้บังคับไถ่ถอนจำนอง
จำเลยให้การว่า โจทก์บอกกล่าวให้จำเลยชำระหนี้จำนองภายใน 30 วันยังไม่พ้นเวลาที่โจทก์กำหนดโจทก์ก็มาฟ้อง จึงไม่มีอำนาจฟ้อง โจทก์เอาดอกเบี้ยที่ค้างชำระตามสัญญาเดิมมาทบกับต้นเงินเดิมแล้วทำเป็นต้นเงินใหม่ในสัญญาจำนอง จำนวนเงินที่เกินจากต้นเงินเดิมโจทก์ไม่มีสิทธิบังคับเอาจากจำเลย
ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาบังคับให้จำเลยไถ่ถอนจำนองตามฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อจำเลยได้รับหนังสือบอกกล่าวการบังคับจำนองจำเลยได้พูดกับพยานโจทก์ผู้ส่งหนังสือบอกกล่าวนั้นว่า จำเลยไม่มีเงินถ้าอยากได้เร็ว ๆ ให้ฟ้องเอา เห็นว่าจำเลยได้แสดงเจตนาไม่ถือเอาประโยชน์จากระยะเวลาที่โจทก์กำหนดให้ ทั้งโจทก์ก็ได้ให้เวลาแก่จำเลยหลังจากทราบคำบอกกล่าวแล้วถึง 13 วัน อันเป็นระยะเวลานานพอสมควรแล้วเช่นนี้ โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องคดีนี้ได้โดยไม่ต้องรอให้ครบระยะเวลาที่กำหนดไว้ในคำบอกกล่าวอีก
จำเลยฎีกาข้อสุดท้ายว่า สมควรอนุญาตให้จำเลยอ้างพยานเพิ่มเติมตามคำร้องขอยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมลงวันที่ 29 มกราคม 2518 นั้น เห็นว่าคำให้การของจำเลยมีประเด็นว่าการเอาดอกเบี้ยค้างชำระตามสัญญาเดิมมาทบกับต้นเงิน แล้วทำเป็นต้นเงินใหม่ตามสัญญาจำนอง จะมีผลบังคับได้หรือไม่ จำเลยจะนำสืบว่าดอกเบี้ยที่มาทบนั้นเป็นดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดไม่ได้ เพราะเป็นการนำสืบนอกประเด็นที่ได้ให้การไว้ คดีนี้จำเลยเบิกความว่า บิดาจำเลยกู้เงินสามีโจทก์ 20,000 บาท ตั้งแต่ก่อน พ.ศ. 2508 และสัญญาจำนองทำเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2513 เห็นได้ว่าสัญญาจำนองที่ทำใหม่โดยเอาดอกเบี้ยที่ค้างชำระไม่น้อยกว่า 1 ปีมาทบเข้ากับต้นเงินตามคดีนี้ ย่อมมีผลใช้บังคับได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 655 พยานจำเลยที่ขออ้างเพิ่มเติมที่เป็นปัญหานั้นคือ เอกสารกู้ฉบับเดิมที่เอาดอกเบี้ยค้างชำระมาทบเป็นต้นเงินใหม่และพยานบุคคลที่รู้เห็นการทำสัญญากู้ฉบับเดิมนั้นด้วยศาลฎีกาเห็นว่าแม้จะอนุญาตให้จำเลยสืบพยานตามที่ระบุไว้นั้น ก็ไม่ทำให้รูปคดีเปลี่ยนแปลง ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องสืบพยานเช่นว่านั้นอีกต่อไป จึงไม่ต้องวินิจฉัยอีกว่าสมควรจะรับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลยหรือไม่นั้น ฎีกาของจำเลยข้อนี้จึงตกไป
พิพากษายืน