โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ได้ทำสัญญารับจ้างขนข้าวสาร 950 กระสอบ จากโรงสีจังหวัดฉะเชิงเทรา ไปส่งจังหวัดปัตตานีและนราธิวาสโดยจำเลยที่ 2เป็นผู้ค้ำประกัน จำเลยรับข้าวไปแล้วมิจัดส่งไปตามสัญญา จึงขอให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าปรับ 1,472,500 บาท
จำเลยที่ 1 ให้การว่า ได้จัดเจ้าหน้าที่เป็นตัวแทนคอยควบคุมและออกคำสั่งตลอดระยะเวลาและระยะทางตามสัญญาข้อ 12 ระหว่างทางเรือถูกมรสุมคลื่นลมจัด ตัวแทนของโจทก์สั่งให้ถ่ายกระสอบข้าวลงเรือลำอื่น โดยค่าใช้จ่ายของจำเลย แล้วออกเรือและควบคุมไปตามลำพังจำเลยไม่ต้องรับผิด
จำเลยที่ 2 ไม่รับรองสัญญาค้ำประกันเพราะเป็นการกระทำโดยไม่ได้รับอนุญาตจากสามี และปฏิเสธความรับผิดเช่นเดียวกับจำเลยที่ 1
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าตามสัญญาข้อ 12 ว่าผู้รับจ้างยอมให้ผู้จ้างส่งเจ้าหน้าที่ควบคุมข้าวในระหว่างทำการขนส่งตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง ได้เป็นจำนวนไม่เกินสามคน และสัญญาจะออกค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ฯลฯ ซึ่งจำเลยมีหน้าที่จะต้องปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเป็นตัวแทน ของโจทก์คือ ส.ต.ท.พบกัน ส.ต.ท.อนันต์ ผู้ควบคุมข้าวซึ่งทางการแต่งตั้ง ผู้ขนส่ง (จำเลย) ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมข้าว เพียงแต่จัดพาหนะขนส่งไปให้ถึงปลายทางเท่านั้น เมื่อข้าวสูญหายไปในความควบคุมของตำรวจทั้งสองที่ทางการแต่งตั้ง จำเลยไม่เป็นฝ่ายผิดสัญญาดังฟ้อง
พิพากษายืน