คดีสืบเนื่องมาจากศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาว่า โจทก์เป็นผู้มีสิทธิดีกว่าจำเลยทั้งสามในเครื่องหมายการค้ารูปเรือใบไวกิ้ง เครื่องหมายการค้าคำว่า "VIKING SHIP" "เรือใบไวกิ้ง" และ "ไวกิ้ง" ให้เพิกถอนการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าเลขที่ ค232978 ค295662 และ ค302676 ให้จำเลยที่ 1 ถอนคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าเลขที่ 742469, 742470, 743287, 743288, 748513 ถึง 748515, 748622, 748623 และ 753620 ถึง 753623 ให้จำเลยทั้งสามยุติการใช้เครื่องหมายการค้ารูปเรือใบไวกิ้ง และเครื่องหมายการค้าคำว่า "เรือใบไวกิ้ง" กับสินค้าของจำเลยทั้งสาม และให้จำเลยทั้งสามร่วมกันประกาศโฆษณาคำพิพากษาโดยย่อในหนังสือพิมพ์รายวันฉบับภาษาไทยและภาษาอังกฤษอย่างละ 1 ฉบับ โดยแจ้งให้สาธารณชนทราบว่าธุรกิจของโจทก์และจำเลยทั้งสามไม่เกี่ยวข้องกัน ส่วนที่โจทก์ขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าเลขที่ ค199455 นั้น ให้ยกคำขอ โจทก์และจำเลยทั้งสามอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศพิพากษายืน คดีถึงที่สุด
ต่อมาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งในรายงานกระบวนพิจารณาฉบับลงวันที่ 23 สิงหาคม 2561 ให้จับกุมจำเลยทั้งสามตามคำขอของโจทก์ โดยออกหมายจับนายเสริมศักดิ์ ในฐานะกรรมการผู้จัดการของจำเลยที่ 1 และในฐานะกรรมการผู้จัดการของจำเลยที่ 2 และนายประวิทย์ จำเลยที่ 3 เพื่อให้ปฏิบัติตามคำบังคับ
จำเลยทั้งสามยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนหมายจับ
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งให้ดำเนินการต่อไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษพิพากษากลับ ให้เพิกถอนหมายจับจำเลยทั้งสาม ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา โดยได้รับอนุญาตให้ฎีกาเฉพาะประเด็นว่า คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษที่ให้เพิกถอนหมายจับจำเลยทั้งสามเป็นการวินิจฉัยที่ไม่ชอบหรือไม่
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษที่ให้เพิกถอนหมายจับจำเลยทั้งสามเป็นการวินิจฉัยที่ไม่ชอบหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศมีคำพิพากษายืนตามคำพิพากษาของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางว่า โจทก์เป็นผู้มีสิทธิดีกว่าจำเลยทั้งสามในเครื่องหมายการค้ารูปเรือใบไวกิ้ง เครื่องหมายการค้าคำว่า VIKING SHIP เรือใบไวกิ้ง และ ไวกิ้ง ให้เพิกถอนการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าเลขที่ ค232978 ค295662 และ ค302676 ให้จำเลยที่ 1 ถอนคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าเลขที่ 742469, 742470, 743287, 743288, 748513 ถึง 748515, 748622, 748623 และ 753620 ถึง 753623 ให้จำเลยทั้งสามยุติการใช้เครื่องหมายการค้ารูปเรือใบไวกิ้ง และเครื่องหมายการค้าคำว่า เรือใบไวกิ้ง กับสินค้าของจำเลยทั้งสาม และให้จำเลยทั้งสามร่วมกันประกาศโฆษณาคำพิพากษาโดยย่อในหนังสือพิมพ์รายวันฉบับภาษาไทยและภาษาอังกฤษอย่างละ 1 ฉบับ โดยแจ้งให้สาธารณชนทราบว่าธุรกิจของโจทก์และจำเลยทั้งสามไม่เกี่ยวข้องกัน ส่วนที่โจทก์ขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าเลขที่ ค199455 นั้นให้ยกคำขอ โดยคำพิพากษาฉบับดังกล่าวได้วินิจฉัยในข้อสาระสำคัญของประเด็นแห่งคดีในส่วนนี้ว่า โจทก์มีสิทธิดีกว่าจำเลยที่ 1 และที่ 3 ในเครื่องหมายการค้ารูปเรือใบไวกิ้ง และเครื่องหมายการค้าที่มีคำว่า เรือใบไวกิ้ง ส่วนที่โจทก์ขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าทะเบียนเลขที่ ค199455 ของจำเลยที่ 1 นั้น โจทก์ฟ้องคดีในส่วนนี้เมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาห้าปีนับแต่วันที่นายทะเบียนมีคำสั่งให้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าดังกล่าว แม้โจทก์จะมีสิทธิดีกว่าก็ไม่มีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนเครื่องหมายการค้าดังกล่าวได้ นอกจากนี้ข้อเท็จจริงยังปรากฏว่า ก่อนที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางจะมีคำสั่งออกหมายจับตามคำขอของโจทก์ ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งให้ส่งสำนวนไปยังศาลฎีกาเพื่ออธิบายข้อสงสัยในการบังคับตามคำพิพากษาของศาลฎีกา ซึ่งต่อมาศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศพิจารณาแล้วเห็นว่า ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางวินิจฉัยว่าการที่จำเลยทั้งสามใช้เครื่องหมายการค้าพิพาทเป็นการแสวงหาประโยชน์จากเครื่องหมายการค้าของโจทก์โดยไม่สุจริต เป็นการละเมิดสิทธิในเครื่องหมายการค้าของโจทก์ และพิพากษาให้จำเลยทั้งสามยุติการใช้เครื่องหมายการค้ารูปเรือใบไวกิ้ง และเครื่องหมายการค้าคำว่า เรือใบไวกิ้ง กับสินค้าของจำเลยทั้งสาม และศาลฎีกาพิพากษายืน การบังคับคดีจึงต้องเป็นไปตามคำบังคับที่ออกตามคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง หากจำเลยทั้งสามไม่ปฏิบัติตามคำบังคับ โจทก์ย่อมมีสิทธิขอให้ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางบังคับคดีได้ โดยกรณีที่จำเลยทั้งสามยังมีทะเบียนเครื่องหมายการค้าเลขที่ ค199455 นั้น เมื่อศาลวินิจฉัยแล้วว่าการใช้เครื่องหมายการค้าของจำเลยทั้งสามเป็นการกระทำไม่สุจริต จำเลยทั้งสามย่อมไม่อาจอ้างเป็นเหตุที่จะไม่ปฏิบัติตามคำบังคับดังกล่าว ดังนี้ ถือได้ว่า เหตุผลแห่งคำวินิจฉัยในคำพิพากษาศาลฎีกาและคำสั่งชี้แจงของศาลฎีกาเกี่ยวกับข้อสงสัยในการบังคับคดีตามคำพิพากษาดังกล่าวข้างต้นได้วินิจฉัยไว้ชัดแจ้งแล้วว่า โจทก์มีสิทธิดีกว่าจำเลยทั้งสามในเครื่องหมายการค้ารูปเรือใบไวกิ้ง และเครื่องหมายการค้าคำว่า VIKING SHIP เรือใบไวกิ้ง และ ไวกิ้ง จำเลยทั้งสามจึงไม่มีสิทธิใช้เครื่องหมายการค้าที่มีรูปเรือใบไวกิ้ง และเครื่องหมายการค้าที่มีคำว่า VIKING SHIP เรือใบไวกิ้ง และ ไวกิ้ง เมื่อปรากฏว่าเครื่องหมายการค้าของจำเลยทั้งสามตามทะเบียนเลขที่ ค199455 มีทั้งภาคส่วนที่เป็นรูปเรือใบไวกิ้ง และคำว่า เรือไวกิ้ง อยู่ในเครื่องหมาย จำเลยทั้งสามย่อมไม่มีสิทธิใช้เครื่องหมายการค้าดังกล่าวด้วยเช่นกัน ส่วนที่จำเลยทั้งสามอ้างว่า เครื่องหมายการค้าของจำเลยทั้งสามดังกล่าวศาลไม่ได้พิพากษาให้เพิกถอน จำเลยทั้งสามจึงมีสิทธิใช้เครื่องหมายการค้าดังกล่าวได้นั้น เห็นว่า เหตุที่ศาลไม่ได้พิพากษาให้เพิกถอนการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าเลขที่ ค199455 เป็นเพียงเพราะโจทก์นำคดีในส่วนนี้มาฟ้องเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาห้าปีนับแต่วันที่นายทะเบียนมีคำสั่งให้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าดังกล่าวเท่านั้น ไม่ได้มีการวินิจฉัยว่าจำเลยทั้งสามมีสิทธิใช้เครื่องหมายการค้าดังกล่าวได้ ข้ออ้างของจำเลยทั้งสามในส่วนนี้จึงฟังไม่ขึ้น ดังนั้น ที่ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศพิพากษาในส่วนนี้ว่า ให้จำเลยทั้งสามยุติการใช้เครื่องหมายการค้ารูปเรือใบไวกิ้ง และเครื่องหมายการค้าคำว่า เรือใบไวกิ้ง กับสินค้าของจำเลยทั้งสาม จึงรวมไปถึงการให้จำเลยทั้งสามยุติการใช้เครื่องหมายการค้าทะเบียนเลขที่ ค199455 ด้วย อันถือได้ว่าเป็นหนี้ตามคำพิพากษาที่จำเลยทั้งสามในฐานะลูกหนี้ตามคำพิพากษาต้องปฏิบัติตาม เมื่อจำเลยทั้งสามทราบคำบังคับดังกล่าวแล้ว และได้ความจากคำขอให้ศาลออกหมายจับจำเลยทั้งสามของโจทก์ประกอบคำแถลงของจำเลยทั้งสามในวันนัดพร้อมเพื่อสอบถามจำเลยทั้งสามว่า จำเลยทั้งสามยังคงใช้เครื่องหมายการค้าตามทะเบียนเลขที่ ค199455 อยู่ กรณีจึงฟังได้ว่าจำเลยทั้งสามในฐานะลูกหนี้ตามคำพิพากษาจงใจขัดขืนไม่ปฏิบัติตามคำบังคับ และไม่มีวิธีการบังคับอื่นใดที่โจทก์ในฐานะเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจะใช้บังคับได้ จึงเป็นการชอบที่ศาลจะมีคำสั่งจับกุมนายเสริมศักดิ์ กรรมการผู้จัดการของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ในฐานะผู้มีอำนาจกระทำการแทนนิติบุคคล และจำเลยที่ 3 ได้ตามคำขอของโจทก์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 26 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 361 ที่ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษพิพากษาให้เพิกถอนหมายจับจำเลยทั้งสามมานั้น ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำสั่งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์และฎีกาให้เป็นพับ