ได้ความตามโจทฟ้องว่า จำเลยทั้งสองนี้กับพวกอีกคนหนึ่งที่หลบหนียังจบตัวไม่ได้ ได้ทำการปล้อนทรัพย์นายสมนึกโดยคนหนึ่งแต่เปนนายสิบตำหรวดโท อีก ๒ คนแต่งเปนพลเรือน มีไม้ตะพดเปนสาตราวุธ ผู้ร้ายบอกแก่เจ้าทรัพย์ว่าจะมาตรวดค้นของกลางและหาว่ามีปืนเถื่อนกับไช้ธนบัตร์ปลอม ค้นหยู่ชั่วโมงเสสได้ทรัพย์รวมเปนเงิน ๔,๔๕๕ บาทแล้วนำตัวเจ้าทรัพย์และทรัพย์ที่ค้นได้จะไปสถานีตำหรวด ครั้นไปกลางทางถึงกลางสพานผู้ร้ายทำร้ายเจ้าทรัพย์ตกสะพานแล้วผู้ร้ายพาทรัพย์หนึไป
สาลชั้นต้นและสาลอุธรน์พิพากสาว่าจำเลยมีความผิดถานปล้นทรัพย์
จำเลยดีกา แม้จะฟังว่าจำเลยกะทำผิดก็เปนผิดถานลักทรัพย์ ไม่ไช่ปล้นทรัพย์
สาลดีกาเห็นว่า ความผิดของจำเลยเปนชิงทรัพย์ เพราะเมื่อจำเลยเข้าตรวดค้นเก็บเอาทรัพย์ไนบ้านเจ้าทรัพย์นั้นยังหาเปนการลักทรัพย์สำเหร็ดเส็ดสิ้นไปแล้วไม่ ด้วยยังมิได้เอาทรัพย์ไปพ้นความครอบครองของเจ้าทรัพย์ จำเลยเอาทรัพย์ไปสำเหร็ดเมื่อตีเจ้าทรัพย์ตกสพาน ความผิดจึงเปนปล้นทรัพย์ พิพากสายืนตามสาลล่าง.