โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๒ เจ้าของรถยนต์บรรทุก ได้ให้จำเลยที่ ๑ ซ่อมจำเลยที่ ๑ รับซ่อม แต่รถเสียเพียงเล็กน้อย จำเลยที่ ๒ ขอให้จำเลยที่ ๑ ขับรถไปส่งที่ถนนผดุงกรุงเกษม จำเลยที่ ๑ ขับรถไปส่งแล้วขับกลับ เมื่อถึงสี่แยกโรงเรียนนายร้อยจำเลยที่ ๑ กระทำโดยประมาทชนกับรถจักรยานยนต์ของบุตรผู้เสียหาย ทำให้บุตรผู้เสียหายถึงแก่ความตาย โจทก์ขาดไร้ผู้อุปการะจากผู้ตาย คิดค่าเสียหายเดือนละ ๑,๐๐๐ บาท เป็นเวลา ๒๐ ปี จำเลยที่ ๑ ขับรถไปส่งจำเลยที่ ๒ จนเกิดเหตุ กระทำในฐานะตัวแทนหรือลูกจ้างของจำเลยที่ ๒ ขอให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าเสียหาย
ก่อนจำเลยที่ ๑ ยื่นคำให้การโจทก์ขอถอนฟ้องจำเลยที่ ๑
จำเลยที่ ๒ ให้การว่า จำเลยที่ ๑ ไม่ได้กระทำไปในฐานะตัวแทนหรือทางการที่จ้างของจำเลยที่ ๒ จำเลยที่ ๑ เป็นช่างรับซ่อม การรับซ่อมรถไม่ใช่เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ ๒ จำเลยที่ ๑ ขับรถไปส่งจำเลยที่ ๒ เป็นการทดลองรถ จำเลยที่ ๒ มิได้มอบหมายให้จำเลยที่ ๑ เป็นตัวแทนนำรถไปส่งอู่เพื่อซ่อม เงินที่โจทก์เรียกร้องเรียกไม่ได้เพราะโจทก์ไม่ใช่ผู้ขาดอุปการะ ไม่ใช่ผู้ทุพพลภาพ ไม่มีสิทธิฟ้องร้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยที่ ๑ ไม่ใช่ลูกจ้างจำเลยที่ ๒ เพราะการซ่อมรถเป็นการจ้างทำของ ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ ๒ มิได้ควบคุม จำเลยที่ ๒ ไม่ได้ตั้งจำเลยที่ ๑ เป็นตัวแทน พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การขับรถกลับอู่ จำเลยที่ ๒ ไม่ได้นั่งไปด้วยเป็นการกระทำของจำเลยที่ ๑ โดยลำพัง จำเลยที่ ๒ ไม่ได้มอบหมายหรือสั่งให้จำเลยที่ ๑ กระทำแทน จำเลยที่ ๑ มิใช่เป็นตัวแทนของจำเลยที่ ๒
จำเลยที่ ๒ จ้างจำเลยที่ ๑ ซ่อมรถ เป็นการจ้างทำของ โดยจำเลยที่ ๑ เป็นผู้รับจ้าง จำเลยที่ ๒ เป็นผู้ว่าจ้าง ผู้รับจ้างไม่อยู่ในความควบคุมบังคับบัญชาของผู้ว่าจ้าง และผู้ว่าจ้างไม่มีสิทธิจะสั่งงานหรือบงการแก่ผู้รับจ้างจำเลยที่ ๑ จึงไม่ใช่ลูกจ้างของจำเลยที่ ๒
พิพากษายืน.