ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๑๘ ที่จังหวัดปทุมธานี ซึ่งแบ่งเขตเลือกตั้งเป็นเขตเดียว มีหน่วยเลือกตั้ง ๑๓๔ หน่วย เป็นไปโดยไม่ชอบ ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้
(๑) คณะกรรมการตรวจคะแนนหลายหน่วยปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในการนับคะแนนบัตรของนายลำภู สงวนสัตย์ หมายเลข ๑๐ โดยนับบัตรดีเป็นบัตรเสียและนับบัตรเสียของผู้สมัครรับเลือกตั้งคนอื่น ๆ เป็นบัตรดี เมื่อเฉลี่ยทุกหน่วยเลือกตั้ง หากกรรมการนับคะแนนกระทำไปโดยถูกต้องและชอบด้วยกฎหมายแล้ว คะแนนของนายลำภู สงวนสัตย์ ย่อมมากขึ้นและมากกว่าผู้สมัครรับเลือกตั้งคนอื่น ๆ หรือนายชูชีพ หาญสวัสดิ์ และจะได้รับเลือกตั้งแน่นอน
(๒) มีบุคคลผู้ไม่มีสัญชาติไทยและบุคคลอื่น ๆ ได้กระทำการเพื่อประโยชน์แห่งการเลือกตั้งโดยประการที่เป็นคุณต่อนายชูชีพ หาญสวัสดิ์ ด้วยการช่วยเหลือในด้านการเงินและทรัพย์สินอื่น ๆ อันเป็นการมิชอบด้วยกฎหมายเลือกตั้ง
(๓) นายชูชีพ หาญสวัสดิ์ และตัวแทนได้ให้เงินและทรัพย์สินแก่ผู้เลือกตั้งและสัญญาว่าจะให้เงินแก่ผู้เลือกตั้งเพื่อจูงใจให้ผู้เลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตน และงดเว้นมิให้ลงคะแนนให้แก่นายลำภู สงวนสัตย์ และผู้สมัครรับเลือกตั้งหมายเลขอื่น ๆ น้อยกว่าความเป็นจริง และยังได้จัดยานพาหนะนำผู้เลือกตั้งไปยังที่เลือกตั้ง และรับกลับจากที่เลือกตั้งโดยมิต้องเสียค่าพาหนะ
(๔) คณะกรรมการตรวจคะแนนบางหน่วยนับบัตรคะแนนโดยมิชอบ ผิดจากความจริง คือบัตรที่มีผู้กาเครื่องหมายเลข ๑๐ และหมายเลขอื่น ๆ แต่กรรมการไม่ยอมอ่าน ทำให้คะแนนของนายลำภู สงวนสัตย์ หมายเลข ๑๐ และหมายเลขอื่น ๆ น้อยกว่าเป็นจริง และคณะกรรมการตรวจคะแนนบางคนมิได้มาปฏิบัติหน้าที่ เป็นเหตุให้ต้องตั้งบุคคลอื่นขึ้นมาแทน ซึ่งการตั้งแทนก็กระทำโดยมิชอบ
ขอให้ไต่สวนนับคะแนนใหม่ หรือขอให้มีคำสั่งว่าการเลือกตั้งฯ ในเขตจังหวัดปทุมธานีเมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๑๘ เป็นโมฆะ และมีคำสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่
พลตรีวิทย์ นิ่มนวล ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี นายจรูญ กุวานนท์ และนายชูชีพ หาญสวัสดิ์ ผู้ได้รับเลือกตั้งฯ คัดค้านว่า เจ้าพนักงานทุกหน่วยเลือกตั้งตลอดจนผู้เกี่ยวข้องได้กระทำไปโดยชอบด้วยกฎหมาย กฎ และข้อบังคับต่าง ๆ ทุกประการ คำร้องของผู้ร้องทุกข้อเคลือบคลุม และผู้ร้องคัดค้านแต่เฉพาะนายชูชีพ หาญสวัสดิ์ ผู้เดียว มิได้คัดค้านถึงนายจรูญ กุวานนท์ แต่กลับขอให้มีการเลือกตั้งใหม่ ไม่ถูกต้องตามเจตนารมย์ของพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๑๑ มาตรา ๖๓ (๑)
ก่อนวันนัดไต่สวนคำร้อง ผู้ว่าราบการจังหวัดปทุมธานีและนายชูชีพ หาญสวัสดิ์ คัดค้านยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาที่ว่า คำร้องของผู้ร้องเคลือบคลุม และเมื่อศาลชั้นต้นนับบัตรเลือกตั้งได้เพียง ๒ หน่วย แล้วสั่งให้งดการนับบัตรและงดการไต่สวนนัดพร้อม ผู้ร้องจึงยื่นคำร้องขอแก้ไขคำร้องเดิมโดยเพิ่มรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับจำนวนหน่วยเลือกตั้ง บัตรดี บัตรเสีย จำนวนคณะกรรมการตรวจนับคะแนนที่อ้างว่านับบัตรคะแนนผิดจากความจริง และแก้ไขคำขอท้ายฟ้อง
ศาลจังหวัดปทุมธานีทำความเห็นส่งสำนวนมายังศาลฎีกาว่า คำร้องของผู้ร้องเคลือบคลุม แม้จะขอแก้ให้ชัดแจ้งขึ้นเฉพาะบางประเด็น ก็เป็นการขอแก้ในตอนหลังจากที่ผู้คัดค้านได้ต่อสู้และขอให้วินิจฉัยเบื้องต้นในปัญหาข้อนี้แล้ว จึงเห็นสมควรให้ยกคำร้องและคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำร้อง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มาตรา ๖๓ แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๑๑ ให้นำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับโดยอนุโลมด้วย และตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๗๒ วรรคสอง บัญญัติว่า "คำฟ้องต้องแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์และคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้น" มาตรา ๑ (๓) ได้บัญญัติคำว่า "คำฟ้อง" ให้หมายถึงกระบวนพิจารณาใด ๆ ที่โจทก์ได้เสนอข้อหาต่อศาล ฯลฯ ไม่ว่าจะได้เสนอในขณะที่เริ่มคดีโดยคำฟ้องหรือคำร้องขอ ฯลฯ ฉะนั้นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งจึงต้องอยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๗๒ ด้วย เหตุคัดค้านที่บรรยายมาในคำร้องข้อ (๑) สำหรับเหตุนี้ปรากฏตามคำร้องของผู้ร้องเองว่า จังหวัดปทุมธานีมีหน่วยเลือกตั้ง ๑๓๔ หน่วย เมื่อผู้ร้องกล่าวเพียงว่าคณะกรรมการตรวจคะแนนหลายหน่วยเลือกตั้งปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จึงเป็นการไม่แจ้งชัดว่าคณะกรรมการตรวจคะแนนหน่วยใดบ้างใน ๑๓๔ หน่วยที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และที่อ้างว่าคณะกรรมการตรวจคะแนนนับบัตรดีหมายเลข ๑๐ เป็นบัตรเสีย และนับบัตรเสียของหมายเลขอื่นเป็นบัตรดีนั้น ก็ปรากฏตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๑๑ มาตรา ๕๘ ซึ่งได้แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาฯ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๑๗ มาตรา ๑๙ ว่า บัตรเลือกตั้งที่ให้ถือว่าเป็นบัตรเสียมีถึง ๕ กรณีด้วยกัน ฉะนั้น เมื่อคำร้องของผู้ร้องกล่าวแต่เพียงว่า คณะกรรมการตรวจคะแนนนับบัตรดีเป็นบัตรเสีย และนับบัตรเสียเป็นบัตรดี จึงเป็นการกล่าวที่ไม่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหา คำร้องที่อ้างเหตุข้อนี้จึงเป็นคำร้องที่มิได้ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๗๒ เป็นคำร้องที่เคลือบคลุม
เหตุคัดค้านที่บรรยายมาในคำร้องข้อ (๒) สำหรับเหตุนี้ ผู้ร้องก็มิได้กล่าวให้ชัดเจนว่าบุคคลผู้ไม่มีสัญชาติไทยและบุคคลอื่นนั้นคือใคร การช่วยเหลือในด้านการเงินและทรัพย์สินอื่นนั้นได้กระทำแต่อย่างใด อันจะถือได้ว่าเป็นการกระทำที่เป็นคุณต่อนายชูชีพ หาญสวัสดิ์ จึงเป็นคำร้องเคลือบคลุม
เหตุคัดค้านที่บรรยายมาในคำร้องข้อ (๓) สำหรับเหตุนี้ ผู้ร้องกล่าวแต่เพียงว่า นายชูชีพ หาญสวัสดิ์ และตัวแทนได้ให้เงินและทรัพย์สินแก่ผู้เลือกตั้งและสัญญาว่าจะให้เงินแก่ผู้เลือกตั้ง เพื่อจูงใจให้ผู้เลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตน และงดเว้นมิให้ลงคะแนนแก่นายลำภู สงวนสัตย์ และผู้สมัครเลือกหมายเลขอื่น มิได้กล่าวให้แจ้งชัดเลยว่าผู้เลือกตั้งที่ได้เงินและทรัพย์สินและผู้เลือกตั้งที่ได้รับสัญญาว่าจะรับเงินนั้นเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งในหน่วยเลือกตั้งใดจำนวนเท่าใด เพราะปรากฏตามคำร้องของผู้ร้องเองว่า นายลำภู สงวนสัตย์ หมายเลข ๑๐ ได้คะแนนน้อยกว่านายชูชีพ หาญสวัสดิ์ หมายเลข ๒ จำนวน ๓๘๘ คะแนน หากผู้เลือกตั้งที่ผู้ร้องอ้างว่าได้รับเงินและทรัพย์สินหรือผู้เลือกตั้งที่ผู้ร้องอ้างว่าได้รับสัญญาว่าจะรับเงินนั้นมีจำนวนเพียงเล็กน้อย ก็ไม่เป็นเหตุที่จะให้มีการเลือกตั้งใหม่ และที่อ้างว่าได้จัดยานพาหนะนำผู้เลือกตั้งไปกลับจากที่เลือกตั้งโดยมิต้องเสียค่าพาหนะ ก็มิได้กล่าวให้ชัดแจ้งว่าเป็นหน่วยเลือกตั้งใด และเป็นเหตุให้การลงคะแนนเปลี่ยนแปลงอย่างใด ฉะนั้น คำร้องในเหตุนี้ของผู้ร้องจึงมิได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๗๒ เป็นคำร้องที่เคลือบคลุม
เหตุคัดค้านที่บรรยายมาในคำร้องข้อ (๔) สำหรับเหตุนี้ผู้ร้องมิได้ระบุให้แจ้งชัดว่าคณะกรรมการตรวจคะแนนที่นับบัตรคะแนนโดยมิชอบนั้น เป็นคณะกรรมการตรวจคะแนนหน่วยใดการไม่อ่านบัตรที่กาเครื่องหมายเลข ๑๐ และหมายเลขอื่น ๆ นั้นมีจำนวนหมายเลข ๑๐ ประมาณเท่าใด หมายเลขอื่น ๆ คือหมายเลขใด มีจำนวนประมาณเท่าใด และการไม่อ่านเช่นนี้เป็นเหตุให้คะแนนของนายลำภู สงวนสัตย์ และหมายเลขอื่นน้อยกว่าความเป็นจริงประมาณเท่าใด หากน้อยกว่าความเป็นจริงเพียงเล็กน้อยก็ไม่เป็นเหตุที่จะให้มีการเลือกตั้งใหม่ เพราะปรากฏตามคำร้องว่า นายลำภู สงวนสัตย์ ผู้ได้คะแนนเป็นที่ ๓ มีคะแนนน้อยกว่านายชูชีพ หาญสวัสดิ์ เป็นจำนวน ๓๘๘ คะแนน ส่วนที่อ้างในคำร้องว่า คณะกรรมการตรวจคะแนนบางคนมิได้มาปฏิบัติหน้าที่เป็นเหตุให้ต้องตั้งบุคคลอื่นแทน ซึ่งการตั้งแทนก็กระทำมิชอบนั้น ผู้ร้องก็มิได้กล่าวให้แจ้งขัดว่ากรรมการตรวจคะแนนผู้มิได้มาปฏิบัติหน้าที่นั้นคือใคร หรือเป็นกรรมการตรวจคะแนนประจำหน่วยเลือกตั้งใด และการตั้งบุคคลอื่นแทนโดยมิชอบนั้น มิชอบอย่างใดก็มิได้กล่าวไว้ เพราะตามมาตรา ๔๐ แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๑๑ บัญญัติให้อำนาจกรรมการตรวจคะแนนที่มีอยู่ไม่ครบห้าคน ตั้งบุคคลซึ่งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๔๑ เป็นกรรมการตรวจคะแนนครบห้าคนไปพลางก่อนได้จนกว่ากรรมการตรวจคะแนนที่ได้ตั้งไว้สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ฉะนั้น เมื่อคำร้องของผู้ร้องมิได้อ้างว่าการตั้งบุคคลอื่นแทนกรรมการตรวจคะแนนไม่ชอบเพราะฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๔๐ ดังกล่าวอย่างใด จึงเป็นคำร้องที่ไม่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของผู้ร้อง เป็นคำร้องที่เคลือบคลุม
คดีนี้แม้ผู้ร้องจะได้ขอแก้ไขคำร้องในภายหลังให้แจ้งชัดขึ้น แต่ก็เป็นการขอแก้ไขหลังจากที่ผู้คัดค้านทั้งสามคนได้คัดค้านไว้แล้วว่าคำร้องของผู้ร้องเคลือบคลุม และโดยเฉพาะผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานีผู้คัดค้านที่ ๑ และนายชูชีพ หาญสวัสดิ์ ผู้คัดค้านที่ ๓ ก็ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อนี้ไว้ก่อนที่ผู้ร้องจะขอแก้ไขคำร้องเดิมแล้ว จึงไม่มีเหตุที่จะอนุญาตให้ผู้ร้องแก้ไขคำร้องเดิมแต่ประการใด
เมื่อคำร้องของผู้ร้องเป็นคำร้องที่เคลือบคลุมโดยมิได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของผู้ร้องดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๗๒ แล้ว จึงไม่อาจรับไว้พิจารณาได้ ให้ยกคำร้อง