โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72, 91, 288 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 72 ริบปลอกกระสุนปืนของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 72 วรรคสาม การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานฆ่าผู้อื่น จำคุก 15 ปี ฐานมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับใบอนุญาต (ที่ถูก ฐานมีอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่นไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต) จำคุก 1 ปี รวมจำคุกจำเลย 16 ปี จำเลยให้การรับสารภาพฐานมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและรับว่าใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายถึงแก่ความตาย เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยมีกำหนด 8 ปี ริบปลอกกระสุนปืนของกลาง คำขออื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยบันดาลโทสะ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72, 288 ซึ่งความผิดดังกล่าวศาลจะลงโทษผู้นั้นน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้ กรณีจึงไม่มีอัตราโทษจำคุกอย่างต่ำ เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพศาลสามารถพิพากษาลงโทษจำเลยได้โดยไม่จำต้องสืบพยานหลักฐานต่อไปก็ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176 วรรคหนึ่ง ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ตามฟ้องว่า จำเลยกระทำความผิดโดยบันดาลโทสะโดยไม่จำต้องวินิจฉัยข้อเท็จจริงตามที่โจทก์และจำเลยนำสืบ จำเลยจึงมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยบันดาลโทสะ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำคุกฐานฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 จึงเป็นการไม่ชอบ ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังขึ้น
มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยประการสุดท้ายว่า มีเหตุสมควรรอการลงโทษให้แก่จำเลยหรือไม่ เห็นว่า สำหรับความผิดฐานมีอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่นไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นและให้ลงโทษจำคุกไม่เกินห้าปี จึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง แต่เมื่อคดีขึ้นมาสู่การพิจารณาของศาลฎีกาแล้ว ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยให้ไปพร้อมกับความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยบันดาลโทสะ เห็นว่า เมื่อพิเคราะห์ถึงความร้ายแรงของการกระทำความผิดและพฤติการณ์ที่เกี่ยวข้องประกอบกันแล้ว ทั้งหลังเกิดเหตุจำเลยสำนึกผิดเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวนและให้การรับว่าได้ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายจริงมาโดยตลอด และเมื่อคำนึงถึงข้อที่จำเลยมีภาระต้องเลี้ยงดูครอบครัวโดยเฉพาะบุตร 2 คนที่เกิดกับผู้ตาย ประกอบกับจำเลยไม่มีความประพฤติซึ่งเป็นที่เสียหายและไม่เคยรับโทษจำคุกมาก่อน สมควรให้โอกาสจำเลยได้กลับตัวประพฤติตนเป็นพลเมืองดีไว้สักครั้ง แต่ความผิดฐานมีอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่นไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้ลงโทษปรับจำเลยอีกสถานหนึ่ง ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษานั้นไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังขึ้นเช่นกัน
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบมาตรา 72 จำคุก 4 ปี ฐานมีอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่นไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้ลงโทษปรับจำเลย 2,000 บาท อีกสถานหนึ่ง รวมจำคุก 5 ปี และปรับ 2,000 บาท ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่งแล้ว คงจำคุก 2 ปี 6 เดือน และปรับ 1,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี นับแต่วันอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาให้จำเลยฟัง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 5