ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความไม่ตัดสิทธิผู้ค้ำประกัน หากไม่มีเจตนาสละสิทธิชัดเจน
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ในฐานะผู้กู้ และจำเลยที่ 2 ในฐานะผู้ค้ำประกัน ให้รับผิดใช้เงินแก่โจทก์ตามสัญญากู้และสัญญาค้ำประกันท้ายฟ้อง ตามคำให้การต่อสู้คดีของจำเลยที่ 2 ก็มิได้ปฏิเสธว่า จำเลยที่ 2 มิใช่ผู้ค้ำประกัน คงปฏิเสธเพียงว่าจำเลยที่ 1 ชำระเงินกู้คืนโจทก์แล้วบางส่วน จำเลยที่ 2 ขอรับผิดเฉพาะส่วนที่ยังค้างอยู่เท่านั้น วันนัดคู่ความมาพร้อมกัน เมื่อคู่ความตกลงกันได้ และศาลชั้นต้น ทำ สัญญาประนีประนอมยอมความให้โดยจำเลยที่ 1 ยินยอมรับผิด ใช้ เงินแก่โจทก์ จำเลยที่ 2 ก็ได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์ด้วย ดังเห็นได้จากที่จำเลยที่ 2 ลงชื่อรับรู้ไว้ท้ายสัญญาดังกล่าว และรายงานกระบวนพิจารณาของศาล แม้ข้อความในสัญญาประนีประนอมยอมความจะไม่ได้ระบุถึงความรับผิดของจำเลยที่ 2 ไว้ แต่ตามพฤติการณ์คดีนี้ไม่มีข้อใดแสดงให้เห็นว่า โจทก์ไม่ติดใจให้จำเลยที่ 2 ต้องผูกพันรับผิดในฐานะผู้ค้ำประกันอีกต่อไป และรายงานกระบวนพิจารณาของศาลก็มิได้จดแจ้งไว้เช่นนั้น กรณีนี้เป็นที่เห็นได้ว่าจำเลยที่ 2 ยินยอมรับผิดต่อโจทก์ในฐานะผู้ค้ำประกันหนี้ของจำเลยที่ 1 ดังที่ได้ทำสัญญาไว้กับโจทก์แต่เดิม และที่โจทก์ฟ้องบังคับจำเลยที่ 2 ให้รับผิดเป็นคดีนี้ เมื่อโจทก์บังคับคดียึดทรัพย์จำเลยที่ 1 ได้ไม่พอชำระหนี้ก็ชอบที่จะขอให้บังคับคดีแก่จำเลยที่ 2 ในฐานะผู้ค้ำประกันในจำนวนหนี้ที่ยังขาดอยู่ได้