โจทก์ฟ้องว่า  จำเลยเช่าหม้อแปลงไฟฟ้า ๑ เครื่องจากโจทก์  ราคา ๑๖,๐๐๐ บาท  เพื่อนำไปใช้ไฟฟ้า ณ บ้านพักจำเลยในอัตราค่าเช่าเดือนละ ๒๖๐ บาท  ในสัญญาเช่าระบุว่า  ผู้เช่ามีหน้าที่ดูแลรักษาหม้อแปลงที่เช่า  หากเกิดความชำรุดเสียหายขึ้นไม่ว่ากรณีใด ๆ  ผู้เช่าจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ  เว้นแต่เป็นเหตุสุดวิสัย  ต่อมาหม้อแปลงไฟฟ้าดังกล่าวถูกคนลักขโมยไป  โดยจำเลยประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง  ไม่ใช้ความระมัดระวังอย่างวิญญูชนจะพึงกระทำออกไปตรวจดูเสียบ้าง  ขอให้บังคับจำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
จำเลยให้การว่าได้เช่าหม้อแปลงไฟฟ้าจากโจทก์ตามฟ้องจริง  แต่หม้อแปลงที่จำเลยเช่าติดตั้งในที่เปลี่ยวห่างบ้านจำเลยมากเกินความสามารถของจำเลยจะดูแลรักษาประกอบกับเหตุลักทรัพย์เกิดในเวลาวิกาล  ฝนตก  เป็นเหตุสุดวิสัย  จำเลยไม่ต้องรับผิดขอให้พิพากษายกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า  การที่หม้อแปลงไฟฟ้าถูกคนร้ายลักไม่เป็นเหตุสุดวิสัย  จำเลยไม่ต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์  พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์  ศาลชั้นต้นรับสั่งอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายว่า  การที่คนร้ายลักหม้อแปลงไฟฟ้าไปเป็นเหตุสุดวิสัยหรือไม่
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าว
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว  ปัญหาว่าการที่คนร้ายลักหม้อแปลงไฟฟ้าไปเป็นเหตุสุดวิสัยหรือไม่  ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นฟังมาว่า  หม้อแปลงไฟฟ้าติดตั้งไว้กับเสาไฟฟ้าแรงสูงอยู่สูงจากพื้นดินมาก  และอยู่ในที่เปลี่ยวห่างบ้านจำเลย ๕๕๔ เมตร  ติดตั้งนอกที่ดินผู้ใช้ไฟฟ้าซึ่งตามปกติโจทก์มีหน้าที่ดูแลรักษา  ขณะเกิดเหตุเป็นเวลาเลย ๒๓ นาฬิกาไปแล้ว  มีฝนตกหนักลมแรงซึ่งปกติมักเป็นเหตุให้ไฟดับ   การที่คนร้ายจะมาลักหม้อแปลงไฟฟ้าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยาก  ศาลฎีกาเห็นว่าหม้อแปลงไฟฟ้าติดตั้งอยู่ในที่เปลี่ยวนอกที่ดินจำเลย  และห่างบ้านจำเลยถึงครึ่งกิโลเมตรเศษจำเลยไม่อยู่ในวิสัยที่จะป้องกันมิให้คนร้ายลักเอาหม้อแปลงไฟฟ้าในยามวิกาล   ขณะเกิดเหตุฝนตกหนักลมแรงซึ่งตามปกติไฟดับได้  การที่จำเลยไม่ออกไปตรวจดูในขณะนั้นจะถือว่าจำเลยไม่ใช้ความระมัดระวังตามสมควรเพื่อป้องกันมิให้เกิดความเสียหายไม่ได้  การที่คนร้ายลักหม้อแปลงไฟฟ้าไปในกรณีเช่นนี้  จึงเป็นเหตุสุดวิสัยซึ่งจำเลยไม่อาจป้องกันได้  จำเลยไม่ต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
พิพากษายืน