โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 91, 264, 265, 268 ริบเอกสารปลอมของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265, 268 วรรคแรก ประกอบมาตรา 265 จำเลยเป็นผู้ปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม จึงให้ลงโทษฐานใช้เอกสารราชการปลอมแต่กระทงเดียว ตามมาตรา 268 วรรคสอง เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 รวม 3 กระทง จำคุกกระทงละ 3 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกกระทงละ 1 ปี 6 เดือน รวมจำคุก 3 ปี 18 เดือน ริบเอกสารราชการปลอมของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียว ลงโทษจำคุก 3 ปี ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 ปี 6 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์และจำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "ข้อเท็จจริงตามที่โจทก์บรรยายในฟ้องและจำเลยให้การรับสารภาพฟังได้ว่า จำเลยนำแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ แผ่นป้ายแสดงการเสียภาษีรถยนต์ และคู่มือจดทะเบียนรถยนต์ที่จำเลยทำปลอมขึ้นไปใช้ โดยนำแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์และแผ่นป้ายแสดงการเสียภาษีรถยนต์ไปติดไว้ที่รถยนต์ของกลาง และนำคู่มือจดทะเบียนรถยนต์ที่จำเลยทำปลอมขึ้นไปใช้แสดงต่อเจ้าหน้าที่ เพื่อให้เจ้าพนักงานหรือผู้หนึ่งผู้ใดหลงเชื่อว่า แผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ปลอม แผ่นป้ายแสดงการเสียภาษีรถยนต์ปลอม และคู่มือจดทะเบียนรถยนต์ปลอม เป็นเอกสารที่แท้จริง มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน รวม 3 กระทงหรือไม่... เห็นว่า แม้แผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ แผ่นป้ายแสดงการเสียภาษีรถยนต์ และคู่มือจดทะเบียนรถยนต์ที่จำเลยทำปลอมขึ้นจะเป็นเอกสารราชการต่างประเภทกัน ลักษณะการทำปลอมแตกต่างกันก็ตาม แต่การที่จำเลยได้ติดแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์และแผ่นป้ายแสดงการเสียภาษีรถยนต์ปลอมไว้ที่รถยนต์คันเดียวกัน พร้อมกับนำคู่มือจดทะเบียนรถยนต์ ที่จำเลยทำปลอมขึ้นไปใช้แสดงต่อเจ้าพนักงานในคราวเดียวกันในเวลาเดียวกัน ตามพฤติการณ์ดังกล่าวเห็นได้ว่าจำเลยมีเจตนาอย่างเดียวกันเพื่อให้เจ้าพนักงานผู้ตรวจเอกสารเห็นว่ารถยนต์ที่จำเลยขับเป็นรถยนต์ที่ได้จดทะเบียนและเสียภาษีถูกต้องตามกฎหมายเพื่อจำเลยจะได้ใช้รถยนต์ของกลางได้โดยชอบ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำความผิดกรรมเดียว หาใช่สามกรรมต่างกันดังที่โจทก์ฎีกาไม่ ส่วนที่จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษนั้น เห็นว่า การที่จำเลยปลอมแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ แผ่นป้ายแสดงการเสียภาษีรถยนต์ และคู่มือจดทะเบียนรถยนต์ อันเป็นเอกสารราชการแล้วนำไปติดไว้ที่รถยนต์ของกลาง เป็นเหตุให้รัฐไม่อาจควบคุมความปลอดภัยของสภาพรถรวมถึงปริมาณของรถที่แท้จริง อันอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสังคมโดยส่วนรวม และยังเป็นการหลีกเลี่ยงการเสียภาษีรถยนต์ให้แก่รัฐตามกฎหมาย ทั้งกระทบต่อความน่าเชื่อถือในการที่จะใช้เอกสารดังกล่าวเป็นพยานหลักฐาน พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 ไม่รอการลงโทษให้จำเลย จึงชอบแล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไข ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น"
พิพากษายืน