โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า โจทก์มอบอำนาจให้นายพงศธรพลางกูร เป็นผู้ฟ้องและดำเนินคดีแทน โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 11683 แขวงลาดยาว เขตบางเขน กรุงเทพมหานครจำเลยได้เช่าที่ดินบางส่วนของโฉนดดังกล่าวจากโจทก์เพื่อปลูกสร้างโรงเรือนตึกแถวเลขที่ 520 โจทก์ไม่ประสงค์จะให้จำเลยเช่าที่ดินดังกล่าวอีกต่อไป จึงได้บอกกล่าวเลิกการเช่า ให้รื้อถอนและขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกจากที่ดินที่เช่าจากโจทก์ แต่จำเลยเพิกเฉยขอบังคับให้จำเลยรื้อถอนตึกแถวเลขที่ 520 ถนนลาดพร้าว แขวงลาดยาวเขตบางเขน กรุงเทพมหานคร พร้อมทั้งขนย้ายทรัพย์สินกับบริวารออกไปจากที่ดินของโจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง การมอบอำนาจให้ฟ้องคดีไม่ชอบด้วยกฎหมาย ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม โจทก์ไม่ได้เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 11683 ตามฟ้อง ทั้งจำเลยก็ไม่ได้เช่าที่ดังกล่าวจากโจทก์ โจทก์บอกเลิกการเช่าโดยไม่ชอบ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนตึกแถวเลขที่ 520 ถนนลาดพร้าวแขวงลาดยาว เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร ออกไปจากที่ดินของโจทก์พร้อมทั้งให้ขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไปจากที่ดินดังกล่าว
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "ปัญหาแรกที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยมีว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่ จำเลยฎีกาว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมเพราะไม่บรรยายให้ชัดแจ้งว่าจำเลยเช่าที่ดินตรงทิศไหนมุมไหนหรือส่วนไหนของโจทก์ ทั้งมิได้ทำแผนที่แสดงแนวเขตที่ดินที่อ้างว่าจำเลยเช่าแนบมาด้วย เห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินของโจทก์ อ้างว่าจำเลยเช่าที่ดินของโจทก์ปลูกสร้างโรงเรือนเลขที่ 520 ต่อมาโจทก์ไม่ประสงค์จะให้จำเลยเช่าต่อไปจึงได้บอกเลิกการเช่า และให้รื้อถอนขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกจากที่ดินที่เช่าจากโจทก์ ในคำขอท้ายฟ้องโจทก์ขอให้จำเลยรื้อถอนตึกแถวเลขที่ 520ออกจากที่ดินของโจทก์ ทั้งขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไปด้วยดังนี้ คำฟ้องของโจทก์ได้แสดงถึงสภาพแห่งข้อหาคือสัญญาเช่าข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาคือโจทก์ไม่ประสงค์จะให้เช่าต่อไป และได้บอกเลิกการเช่าแล้ว คำขอบังคับคือให้จำเลยรื้อถอนตึกแถวเลขที่ 520 ออกจากที่ดินของโจทก์และขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกจากที่ดินโจทก์ ครบถ้วนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 แล้ว และจำเลยก็เข้าใจคำฟ้องได้ดีดังจะเห็นได้จากที่ให้การต่อสู้ว่าโจทก์ไม่ใช่เจ้าของที่ดิน จำเลยมิได้เช่าที่ดังกล่าวจากโจทก์ ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม ที่โจทก์ไม่ระบุว่าจำเลยเช่าที่ดินตรงทิศไหน มุมไหน หรือส่วนไหนของโฉนดไม่ทำแผนที่แสดงแนวเขตที่ดินอ้างว่าจำเลยเช่าแนบมากับฟ้องนั้นไม่ทำให้ฟ้องของโจทก์เป็นฟ้องที่เคลือบคลุมแต่อย่างใด...
ปัญหาที่สองที่จำเลยฎีกาว่า หนังสือมอบอำนาจไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะไม่ระบุว่าให้ฟ้องที่ศาลไหน และตัวโจทก์ไม่ได้มาเบิกความยืนยันด้วยตนเองนั้น เห็นว่า การมอบอำนาจให้ฟ้องคดีไม่จำต้องระบุว่าให้ฟ้องที่ศาลไหน เพราะการจะฟ้องคดีที่ไหนนั้นต้องเป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติ ที่ผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์อาศัยหนังสือมอบอำนาจเอกสารหมายเลข 1 ฟ้องจำเลยต่อศาลแพ่งซึ่งเป็นศาลที่ที่ดินพิพาทอยู่ในเขตอำนาจนั้นชอบด้วยกฎหมายแล้ว ส่วนที่จำเลยฎีกาว่าตัวโจทก์ไม่ได้มาเบิกความยืนยันว่าได้ลงลายมือชื่อในช่องผู้มอบอำนาจศาลไม่ควรเชื่อว่าเป็นลายมือชื่อที่แท้จริงนั้น เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคสอง เพราะคดีนี้เป็นคดีฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากอสังหาริมทรัพย์ และได้ความตามคำเบิกความของนายพงศธรผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์ว่า จำเลยเช่าที่ดินโจทก์เดือนละ 70 บาทศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย
ปัญหาสุดท้ายตามฎีกาของจำเลยที่ว่า โจทก์ยังไม่อาจขับไล่จำเลยออกจากที่ดินโฉนดเลขที่ 11683 โดยอ้างเหตุว่าบ้านเลขที่ 520ของจำเลยอยู่คนละแห่งกับที่ดินของโจทก์ คดีนี้โจทก์มอบอำนาจให้ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินโฉนดเลขที่ 11684 มิได้มอบอำนาจให้ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินโฉนดเลขที่ 11683 นั้น เห็นว่า สำหรับเรื่องบ้านเลขที่ 520 ของจำเลยอยู่คนละแห่งกับที่ดินของโจทก์นั้นจำเลยมิได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้ในคำให้การ ถือว่าเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น แม้จำเลยจะยกขึ้นในชั้นอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยให้ จำเลยก็ไม่มีสิทธิฎีกา ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย..."
พิพากษายืน.