โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยคืนเงินที่ได้รับไปจากโจทก์จำนวน 93,500บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันที่จำเลยได้รับเงินจากโจทก์ไว้ทั้งหมด
จำเลยให้การว่า โจทก์มีสิทธิเรียกเอาดอกเบี้ยตามฟ้องจากจำเลยได้เพียง 5 ปี นับแต่วันผิดนัดเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามจำเลยได้บอกเลิกสัญญาและริบเงินทั้งหมด จำเลยไม่ได้ผิดนัดโจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกเอาดอกเบี้ยจากจำเลย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 90,550 บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ 20 พฤศจิกายน 2532จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ คำอื่นขอให้ยก
โจทก์ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในเงินต้น 90,500 บาท นับแต่วันที่1 พฤษภาคม 2523 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์แต่ดอกเบี้ยถึงวันฟ้องต้องไม่เกิน 64,481 บาท ตามคำขอท้ายอุทธรณ์ของโจทก์ นอกจากนี้ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายจำนวนเงิน 100,000 บาทแก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "ข้อเท็จจริงที่มิได้โต้เถียงกันในชั้นฎีกาฟังยุติว่า เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2522 โจทก์ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินพร้อมบ้านตั้งอยู่ถนนติวานนท์ จังหวัดนนทบุรี กับจำเลยในราคา 280,000 บาท ตามหนังสือสัญญาจะซื้อขายที่ดินพร้อมบ้านเอกสารหมาย จ.1 โดยโจทก์ผ่อนชำระเงินให้จำเลยแล้ว 90,500 บาท ต่อมาวันที่ 1 พฤศจิกายน 2532 โจทก์ให้ทนายความมีหนังสือบอกกล่าวให้จำเลยโอนที่ดินพร้อมบ้านให้แก่โจทก์ หรือมิฉะนั้นให้จำเลยคืนเงินที่ได้รับพร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี และค่าเสียหายอีกจำนวนหนึ่งให้แก่โจทก์ตามสำเนาหนังสือเอกสารหมาย จ.12 ซึ่งจำเลยได้รับหนังสือโดยชอบแล้วเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2532 ตามใบตอบรับเอกสารหมาย จ.13 แต่จำเลยไม่สามารถโอนที่ดินพร้อมบ้านหลังนั้นให้แก่โจทก์ได้
ส่วนที่จำเลยฎีกาข้อกฎหมายเป็นปัญหาข้อสุดท้ายว่า โจทก์มีสิทธิเรียกดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือบอกกล่าวตามเอกสารหมาย จ.13 นั้น เห็นว่า เมื่อโจทก์บอกเลิกสัญญาแก่จำเลยแล้วโจทก์และจำเลยจึงต้องกลับคืนสู่ฐานะดังที่เป็นอยู่เดิม จำเลยต้องคืนเงินที่รับไว้ให้แก่โจทก์ โดยบวกดอกเบี้ยเข้าด้วย คิดตั้งแต่เวลาที่ได้รับไว้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 391 หาใช่คิดดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่จำเลยได้รับหนังสือบอกกล่าวไม่ ฎีกาจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น"
พิพากษายืน