โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๑, ๓๙๐ พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔๓, ๑๕๗
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๑, ๓๙๐ พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔๓, ๑๕๗ แต่การกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท จึงต้องลงโทษตามบทหนักที่สุดฐานประมาทเป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๐ ให้จำคุก ๖ ปี จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ ลงกึ่งหนึ่งแล้ว คงจำคุก ๓ ปี
จำเลยอุทธรณ์ขอให้ลงโทษในสถานเบาและรอการลงโทษจำคุก
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาเฉพาะฎีกาข้อ ข. ซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาข้อกฎหมายตามฎีกาของจำเลยข้อ ข. ว่า โจทก์ไม่ได้ลงลายมือชื่อโจทก์ท้ายฟ้อง คำฟ้องโจทก์จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๕๘ (๗) พิเคราะห์แล้ว คดีอาญานั้นประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๕๘ บัญญัติว่า "ฟ้องต้องทำเป็นหนังสือและมี ฯลฯ (๗) ลายมือชื่อโจทก์ ผู้เรียง ผู้เขียนหรือพิมพ์ฟ้อง" ปรากฏว่าตามคำฟ้องของโจทก์คงมีแต่ลายมือชื่อผู้เรียงและผู้พิมพ์ฟ้องเท่านั้น โจทก์หาได้ลงลายมือชื่อไว้ในคำฟ้องไม่ เห็นว่า ฟ้องที่ไม่มีลายมือชื่อโจทก์ เป็นฟ้องที่ไม่ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๕๘ (๗) และในชั้นนี้ล่วงเลยเวลาที่จะให้แก้ไขมาแล้ว ศาลไม่อาจพิจารณาฟ้องของโจทก์ได้ ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น
พิพากษายกฟ้อง