โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้รับมอบหมายเครื่องอาหลั่ยรถยนต์ของนายเกียรติ์รวมราคา ๕๐๐ บาทเพื่อนำไปขาย จำเลยบังอาจมีเจตนาทุจจริตยักยอกทรัพย์ดังกล่าวแล้วไว้เป็นประโยชน์เสีย ขอให้ลงโทษและใช้ราคาทรัพย์
จำเลยปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ได้ความจากพะยานโจทก์ว่าจำเลยขายของที่รับมอบไปแล้วนำเงินไปใช้เสีย โจทก์ทวงถามหลายครั้งจำเลยก็ขอผัดผ่อนเรื่อยมา และยังพยายามจะหาใช้อยู่ ได้ความเพียงเท่านี้คดีอาจไม่เป็นผิดทางอาญา แต่จำเลยกลับปฏิเสธในชั้นศาล จำเลยจึงมีเจตนาทุจจริตขึ้นในตอนนี้ จึงพิพากษาลงโทษจำเลยจำคุกจำเลยเพียง ๔ เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ไม่มีพะยานหลักฐานพอให้เห็นว่า จำเลยทุจจริตเบียดบังของที่ได้รับมอบอันเป็นเรื่องที่โจทก์หาว่ายักยอกการได้เงินมาจากการขายแล้วพูดผัดอ้างเหตุติดขัดต่างๆ นั้น แม้ว่าจะเป็นไปโดยเจตนาตระบัด ก็เป็นเรื่องนอกข้อหา เพราะโจทก์หาว่ายักยอกสิ่งของที่มอบ จำเลยไม่มีผิดทางอาญา พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามหลักฐานพะยานโจทก์เป็นเรื่องนายเกียรติ์มอบเครื่องอาหลั่ยรถยนต์ให้จำเลยนำไปขายโดยกำหนดราคาไว้ ๕๐๐ บาท จึงเป็นอันว่าอำนาจขายอยู่แก่จำเลย จำเลยจะขายให้ใคร ๆ หรือจะซื้อไว้เองก็ได้ แต่จำเลยต้องชำระราคาให้แก่นาจเกียรติ์ คดีนี้ปรากฎว่าจำเลยขายเครื่องอาหลั่ยรถยนต์ให้ตรงกับความประสงค์ของผู้มอบแล้ว จำเลยจึงมีหน้าที่ชำระราคาแก่ผู้เสียหาย จะว่าจำเลยยักยอกของที่มอบตามฟ้องโจทก์ไม่ได้ จึงพิพากษายืน