โจทก์ฟ้องและแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องว่า โจทก์เป็นข้าหลวงประจำจังหวัดตรัง โดยหน้าที่ราชการเป็นผู้อำนวยการและจัดการควบคุมดูแลและรับผิดชอบการขนส่งและการจำหนายข้าวสารปันส่วนของทางราชการจังหวัดตรัง จำเลยที่ ๑ ทำสัญญากับนายเริ่มตัวแทนของโจทก์ รับส่งข้าวสารของโจทก์ ๑๒๕ กระสอบโดยเรืองยนตร์จากท่าเรือกันตังไปยังอำเภอสิเกา เพื่อขายปันส่วนแก่ประชาชนในท้องที่นั้น เนื่องจากความประมาทเลินเล่อของจำเลย ข้าวสารจมน้ำทะเลหมดคุณภาพ ส่งไปยังอำเภอสิเกาหาได้ไม่ เป็นการที่จำเลยทำผิดสัญญา โจทก์จึงฟ้องเรียกค่าเสียหาย
จำเลยต่อสู้ว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องโดยว่าตำแหน่งข้าหลวงประจำจังหวัดไม่เป็นนิติบุคคล เข้าเป็นโจทก์ไม่ได้และข้าวสารเป็นของทางราชการไม่ใช่ของโจทก์ ๆ จึงเป็นโจทก์ไม่ได้
ต่อมาคู่ความขอให้ศาลวินิจฉัยข้อกฎหมาย ข้อเถียงว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยหรือไม่ ถ้าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องโจทก์ยอมแพ้ ถ้าโจทก์มีอำนาจฟ้อง จำเลยยอม+ ยอมใช้ค่าเสียหายตามฟ้อง
ศาลชั้นต้นเห็นว่าโจทก์มีอำนาจฟ้อง พิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายตามฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าฟ้องโจทก์ปรากฎดังกล่าวข้อที่ว่าใช่นิติบุคคลหรือไม่ใช่นิติบุคคลจึงไม่เกี่ยว เมื่อข้าวสารของทางราชการต้องเสียหายไป โจทก์ย่อมมีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องเรียกข้าวสารหรือค่าเสียหายให้แก่ทางราชการ
จึงพิพากษายืน