โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้มีดเป็นอาวุธแทงและฟันผู้เสียหายหลายครั้งโดยเจตนาฆ่า แต่ผู้เสียหายหลบหลีกทำให้จำเลยแทงและฟันไม่ถนัด การกระทำจึงไม่บรรลุผล เพียงแต่ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บถึงอันตรายแก่กาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘,๘๐,๒๙๕
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิเคราะห์ถึงพฤติการณ์ของจำเลยที่แทงผู้เสียหายกับได้วิ่งไล่ตามผู้เสียหายประกอบกันแล้ว เชื่อว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย จึงมีความผิดฐานพยายามฆ่า พิพากษาลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘,๙๐ ให้จำคุก ๑๐ ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า สาเหตุที่ผู้เสียหายจับจำเลยไม่ถูกอันมิใช่สาเหตุรุนแรงนักมีดที่จำเลยใช้เป็นมีดเหน็บ บาดแผลของผู้เสียหายก็ไม่ฉกรรจ์ พฤติการณ์ของจำเลยถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาทำร้ายเท่านั้น พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๕ ให้จำคุก ๑ ปี
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ผู้เสียหายกับจำเลยไม่เคยโกรธเคืองกันมาก่อน ก่อนเกิดเหตุประมาณ ๒ เดือน น้องของผู้เสียหายเคยทะเลาะกับบุตรของจำเลย ครอบครัวผู้เสียหายและจำเลยจึงเฉยเมยต่อกัน ผลการตรวจชันสูตรบาดแผลปรากฏว่า ผู้เสียหายมีบาดแผลเกิดจากของมีคมถากบริเวณชายโครงด้านซ้ายลึกประมาณครึ่งเซนติเมตร ยาวประมาณ ๒ เซนติเมตร พิจาราจากพฤติการณ์และบาดแผลประกอบกับข้อเท็จจริงที่โจทก์นำสืบแล้วเห็นว่า เหตุที่น้องของผู้เสียหายกับบุตรของจำเลยทะเลาะกัน ทำให้ครอบครัวของทั้งสองฝ่ายเฉยเมยต่อกันนั้น เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนที่ผู้เสียหายจะมีอยู่ที่บ้าน ณ ภูมิลำเนาปัจจุบัน ทั้งเป็นเรื่องเด็กทะเลาะกันอันเป็นเหตุที่เกิดขึ้นระหว่างบุคคลผู้อยู่บ้านใกล้เรือนเคียง มีดที่จำเลยใช้ทำร้ายเป็นมีดที่กำลังใช้ผ่ามะพร้าวอยู่ และบาดแผลของผู้เสียหายไม่ฉกรรจ์ พฤติการณ์ที่จะจำเลยจะฟันผู้เสียหายซ้ำ แต่ผู้เสียหายหลบทันก็ดี และจำเลยวิ่งไล่ตามเมื่อผู้เสียหายวิ่งหนีก็ดี เป็นเหตุเกิดโดยกะทันหัน ไม่เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายไม่
พิพากษายืน