คดีนี้จำเลยยื่นอุทธรณ์ว่าศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษกักกันจำเลย ๙ ปีแรงไป ขอลดหย่อนผ่อนโทษ ศาลจังหวัดรับอุทธรณ์จำเลยแล้วสั่งให้โจทก์แก้แล้ว โจทก์ยื่นคำร้องคัดค้านว่าที่จำเลยลงชื่อในฟ้องอุทธรณ์ว่าจำเลยเรียงเองนั้นไม่เป็นความจริง เพราะจำเลยไม่รู้หนังสือ ไม่สามารถเรียงเองได้ อุทธรณ์ จำเลยไม่ชอบด้วย พ.ร.บ.ทนายความ พ.ศ.๒๔๗๗ ม.๖ ขอให้ศาลเรียกจำเลยมาไต่สวนและสั่งไม่รับอุทธรณ์จำเลย ศาลเรียกจำเลยมาสอบถาม จำเลยแถลงว่าไม่รู้หนังสือ อุทธรณ์ที่ยื่นต่อศาลนักโทษชายหยดเรียงแล้วอ่านให้จำเลยฟัง จำเลยพอใจจึงลงชื่อเป็นผู้อุทธรณ์และผู้เรียงเอง
ศาลจังหวัดสั่งว่าจำเลยรับว่าไม่ได้เรียงอุทธรณ์เองแต่เนื่องจากศาลจังหวัดสั่งรับอุทธรณ์จำเลยไว้แล้ว จึงส่งสำนวนไปศาลอุทธรณ์เพื่อสั่งคำคัดค้านและอุทธรณ์ของทั้ง ๒ ฝ่าย
ศาลอุทธรณ์รับสำนวนแล้วพิพากษาแก้ศาลชั้นต้นลงโทษกักกันจำเลย ๓ ปี โดยไม่พิจารณาถึงเรื่องอุทธรณ์ของจำเลยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
โจทย์ฎีกาว่าอุทธรณ์ของจำเลยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลอุทธรณ์ไม่มีอำนาจรับพิจารณาพิพากษา
ศาลฎีกาเห็นว่าเรื่องที่โจทก์คัดค้านว่าอุทธรณ์ของจำเลยไม่ชอบนั้นศาลอุทธรณ์ควรพิจารณาและสั่งเสียก่อน เพราะถ้าอุทธรณ์จำเลยไม่ชอบแล้ว ศาลอุทธรณ์ก็ไม่ต้องพิพากษาแต่ถ้าชอบแล้วศาลอุทธรณ์ก็ต้องพิพากษา ฉะนั้นที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาโดยไม่พิจารณาและสั่งอุทธรณ์ของจำเลยจึงไม่ชอบ พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้พิจารณาและสั่งในเรื่องที่โจทก์คัดค้านอุทธรณ์จำเลยแล้วดำเนินคดีต่อไป