คดีนี้ ข้อหาทางอาญา โจทก์ขอถอนฟ้อง จำเลยไม่ค้านศาลชั้นต้นอนุญาตและให้จำหน่ายคดีเฉพาะส่วนอาญาไปแล้ว คงเหลือข้อหาในส่วนแพ่ง ซึ่งคู่ความทั้งสองฝ่ายตกลงกันให้ศาลไปดู สภาพของที่พิพาทแล้ว ให้ศาลมีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดที่พิพาทจะเป็นของคู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทั้งหมดหรือแต่บางส่วน ตามแต่ศาลจะเห็นสมควร โดยไม่ต้องคำนึงถึงคำพยานที่สืบมาแล้ว และจะยอมรับคำวินิจฉัยชี้ขาดดังกล่าวของศาลเป็นยุติ
ศาลชั้นต้นไปตรวจสภาพ ของที่พิพาทตามข้อตกลง ได้พบเห็นในที่พิพาทมีแต่กอไผ่ ต้นโสนกับบ่อปลา ๑ บ่อ นอกจากนี้ก็ไม่มีพืชพันธ์อะไร ทั้งไม่มีแนวเขตที่จะถือเป็นหลักในการแบ่งหรือที่จะวินิจฉัยให้ตกเป็นของฝ่ายใดท้ายหมดโดยเฉพาะได้ ประกอบกับเห็นว่า ที่พิพาทเป็นที่อยู่นอกโฉนดของทั้งสองฝ่าย แต่ทั้งสอง ก็แย่งการครอบครองกับอยู่ จึงพิพากษาให้แบ่งที่พิพาทออกเป็น ๒ ส่วนเท่ากัน โดยให้ที่ดินพิพาทในส่วนที่แบ่งติดต่อกับเขตที่ดินเดิมที่มีโฉนด เป็นของแต่ละฝ่าย คือ ที่ดินซึกทางเหนือเป็นของจำเลย ซึกทางใต้เป็นของโจทก์
จำเลยอุทธรณ์ ศาลเอาที่พิพาทไปแบ่งโจทก์ครึ่งหนึ่ง ไม่ชอบ เพราะเกินคำฟ้องและคำขอ ขัดแต่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๒ เพราะการที่คู่ความตกลงให้ศาลไปตรวจดูที่พิพาทนั้น ไม่ใช่ให้ศาลไปแบ่งที่พิพาท เมื่อตามสภาพของที่ดินไม่รู้ว่า เป็นของฝ่ายใด ก็ชอบที่จะยกฟ้องโจทก์เสีย
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า กรณีไม่เข้าลักษณะประนีประนอมยอมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๓๔ การที่ศาลตรวจดูสภาพของที่พิพาทก็เท่ากับโจทก์จำเลยอ้างสภาพที่พิพาทเป็นพยานร่วม เมื่อที่พิพาทไม่มีแนวเขตการครอบครองของใครอย่างไร ก็ชอบที่จะดำเนินการพิจารณาฟังคำพยานโจทก์จำเลยต่อไป จึงพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ในศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาและพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
โจทก์ฎีกาว่า กรณีเป็นการประนีประนอมยอมความกันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๓๔ เพราะทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันได้ศาลดูที่พิพาทอย่างเดียวแล้ววินิจฉัยชี้ขาด คู่ความจะยอมรับคำวินิจฉัยของศาลเป็นยุติคำพิพากษาของศาลชั้นต้นจึงชอบแล้ว
ศาลฎีกาเห็นว่า การที่คู่ความตกลงกันเช่นนั้นเป็นเป็นเรื่องสืบพยานธรรมดา โดยอ้างวัตถุพยาน คือ ที่พิพาทเป็นพยานร่วมนั่นเอง ข้อตกลงดังกล่าวนี้ก็สมบูรณ์ตามกฎหมายเพราะเป็นคดีส่วนแพ่ง เป็นเรื่องที่คู่ความจะตกลงกันเช่นนี้ได้ เพราะไม่มีกฎหมายห้าม ตามที่ตกลงกันไว้ นั้นเท่ากับ เป็นการที่ทั้งสองฝ่ายต่างไม่ถือ เอาคำขอและคำต่อสู้คดีในรูปเดิม แต่ขอให้ศาลไปตรวจที่พิพาทแล้ว พิพากษาชี้ขาดได้ตลอดจนได้ยอมให้ศาลแบ่งที่ดินนายพิพาทได้ด้วย คือ จะแบ่งเท่ากันหรือไม่เท่ากันหรือใช้แก่ฝ่ายใดทั้งหมดก็ได้ แล้วแต่ศาลจะเห็นสมควร เมื่อศาลได้ไปตรวจสภาพของที่พิพาทตามข้อตกลง ได้พบเห็นในที่พิพาทมีแต่กอไผ่ ต้นโสน กับบ่อปลา ๑ บ่อ นอกจากนี้ก็ไม่มีพืชพันธ์ ไม่พบแนวเขตที่จะถือเป็นหลักในการแบ่ง หรือที่จะวินิจฉัยให้ตกเป็นของฝ่ายใดทั้งหมดโดยเฉพาะได้ ประกอบกับเห็นว่า ที่พิพาทเป็นที่อยู่นอกเขตโฉนดของทั้งสองฝ่าย แต่ทั้งสองฝ่ายก็ยังแย่งการครอบครองกันอยู่ จึงได้วินิจฉัยชี้ขาดแบ่งที่พิพาทออกเป็น ๒ ส่วนเท่ากัน เป็นไปตามที่คู่ความเสนอศาลตามประเด็นข้อพิพาทแล้ว
ศาลฎีกาพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น