ข้อเท็จจริงได้ความว่า วันเกิดเหตุมีงานที่วัด  จำเลยกับผู้ตายเดินสวนทางกันที่ทางหลวง แล้วเกิดวิวาทกันขึ้น  จำเลยถูกผู้ตายฟันศีร์ษะ  ๑ แผล  แล้วผู้ตายวิ่งหนีเข้าตรอก  จำเลยวิ่งไล่  ครั้นทันกันผู้ตายเอามีดแทงจำเลยถูกริมฝีปากล่าง ๑ แห่งปากฉีกเป็นแผลยาวจดคาง ฟังล่างหัก ๑ ซี่แล้วจำเลยกับผู้ตายกอดปล้ำกัน  ผู้ตายเอามือค้ำคอจำเลยไปติดรั้วแล้วเงื้อมีดจะแทงซ้ำจำเลยแย่างมีดได้จึงแทงชุ่ยไป ๑ ทีถูกคอผู้ตายในขณะชุลมุนกันซึ่งผู้ตายบีบคำจำเลยอยู่และได้ความว่าผู้ตายเป็นคนเกะกะ  ส่วนจำเลยเป็นคนเรียบร้อย
ศาลจังหวัดนครสวรรค์ลงโทษจำเลยตาม ม.๒๕๑,๗๒,๕๙  จำคุก ๔ ปี ๑ เดือนแต่มีผู้พิพากษานายหนึ่งทำความเห็นแย้งว่าจำเลยทำเพื่อป้องกันตัวพอสมควร  แก่เหตุตาม ม.๔๙(๒)
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาโดยผู้พิพากษาที่เห็นแย้งรับรอง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า  การวิวาททำร้ายกันขาดตอนแล้ว  จำเลยวิ่งไล่ผู้ตายไปน่าจะตามไปเพื่อบอกกล่าวเพื่อจับกุม  พอกันกันผู้ตายได้ใช้มีดแทงจำเลยและค้ำคอแล้วจะแทงซ้ำอีกจำเลยแย่งมีดได้จึงแทงชุ่ยไปในขณะนั้น  นับว่าเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ  จึงพิพากษายกฟ้อง