โจทก์ฟ้องว่าเมื่อวันที่ ๓๑ พ.ค.๒๔๙๘ เวลา ๑๘ น.จำเลยกับพวกที่หลบหนี ๑ คน แต่ละคนได้บังอาจใช้มีดแทงนายแจ้งนายดอกไม้ตายโดยเจตนาจะฆ่า จึงขอให้ศาลลงโทษ
นายไม้จำเลยให้การรับสารภาพ จำเลยอีก ๒ คน ปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยสมคบกันฆ่า ให้จำคุกจำเลยทุกคน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษนายไม้จำเลยคนเดียว เพราะจากคำรับสารภาพของนายไม้และมีพยานยืนยันว่านายไม้ได้ลงมือแทงนายดอกไม้ ส่วนจำเลยอีก ๒ คนเพียงแต่ฟังว่าไปอยู่ในที่เกิดเหตุ ไม่มีพยานยืนยันว่าเห็นเขาใช้มีดแทงทำร้ายใคร และทั้งโจทก์ก็ไม่ได้ฟ้องกล่าวหาว่าเขาสมคบกันทำผิด จึงให้ยกฟ้องนายเที่ยงและนายแหยม จำเลย
โจทก์ฎีกาว่าแม้โจทก์จะมิได้บรรยายฟ้องว่าสมคบซึ่งเป็นเพราะพลั้งเผลอ แต่โจทก์ก็อ้างมาตราขอให้ลงโทษฐานสมคบกันมา จำเลยไม่หลงต่อสู้ จึงถือได้ว่าโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษฐานสมคบกัน เมื่อโจทก์สืบได้ด้วย ศาลก็ควรลงโทษฐานสมคบกันได้
นายไม้จำเลยฎีกาว่าทำไปเพื่อป้องกันตัว
ศาลฎีกาพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุธรณ์โดยวินิจฉัยว่าข้อเท็จจริงสำหรับนายไม้จำเลยไม่ใช่ทำเพื่อป้องกัน ส่วนการที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยแต่ละคนได้บังอาจใช้มีดปลายแหลมแทง จึงอาจเข้าใจว่า โจทก์มุ่งจะฟ้องว่าจำเลยต่างคนต่างทำและเมื่อไม่บรรยายว่าสมคบกัน จึงลงโทษฐานสมคบไม่ได้ ตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา ม.๑๕๘