ได้ความว่าบ้านโจทก์ปลูกบ้านอยู่ในทะเลปลายถนนจอมพลซึ่งยื่นจากฝั่งไปในทะเลถึงแหลมฟาน  นอกจากถนนสายนี้แล้วโจทก์ไม่มีทางออก จำเลยได้กั้นปิดถนนสายนี้โจทก์ได้ฟ้องขอให้เปิดทาง ศาลจังหวัดชลบุรีพิพากษาบังคับจำเลยว่า "ให้รื้อลวดหนามซึ่งกั้นหน้าบ้านโจทก์กับรื้อประตูรายพิพาท  หรือกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อให้โจทก์ใช้ถนนจอมพลขึ้นลงจากบ้านโจทก์ไปสั่งฝั่งศรีราชาได้สะดวกตามเดิม"
ในชั้นนี้เป็นชั้นโจทก์ขอบังคับคดี  ฝ่ายจำเลยว่าได้ปฏิบัติตามหมายแล้ว โดยเปิดประตูให้โจทก์เข้าออกแล้ว
ศาลจังหวัดชลบุรีไต่สวนแล้วมีคำสั่งว่าไม่ควรบังคับให้จำเลยรื้อประตู  ให้จำเลยเปิดประตูบานใหญ่ทั้งสองบาน  แต่เวลา ๙ ถึง ๑๘ น.และให้เปิดประตูบานเล็ก ๑ บานตั้งแต่ ๑๘ ถึง ๒๔ น.  และห้ามมิให้จำเลยขัดขวางมิให้โจทก์และครอบครัวของโจทก์และแขกที่ไปมาหาสู่ออกสู่บ้านโจทก์
โจทก์จำเลยอุทธรณ์ทั้งสองฝ่าย
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า  ให้จำเลยมีหน้าที่เปิดประตูเพื่อให้โจทก์ใช้ถนนขึ้นลงจากบ้านโจทก์  รวมทั้งการใช้รถยนตร์ไปสู่ฝั่งได้โดยสะดวกทุกเวลา
จำเลยฎีกาว่า  สิทธิ์ใช้ถนนเป็นของโจทก์ผู้เดียว  ทั้งโจทก์ไม่มีสิทธิ์ใช้รถยนตร์บนทางนี้
ศาลฎีกาตัดสินว่า  เมื่อพิเคราะห์ม.๑๓๔๙ ประกอบกับคำพิพากษาแล้ว  โจทก์มีสิทธิ์ในภาระจำยอมจะใช้ถนนรายนี้ซึ่งตาม ม.๑๓๘๗   ภาระจำยอมเป็นสิทธิ์เกี่ยวข้องกับที่ดิน  หาใช่สิทธิ์ของเจ้าของที่ดินผุ้เดียวไม่  ฉะนั้นการใช้ถนนสายนี้จึงหมายรวมตลอดทั้งผู้อาศัยอำนาจของโจทก์  เช่นครอบครัวและแขกของโจทก์ด้วย ในเรื่องสิทธิ์ใช้รถยนตร์บนถนนสายนี้คำขอท้ายฟ้องของโจทก์  ขอให้เปิดทางเดินย่อมหมายถึงขอให้เปิดถนนเพื่อใช้เดินตามธรรมดา  ที่โจทก์ใช้รถยนตร์ในคดีนี้เป็นการใช้ถนนตามธรรมดา  จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์