โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ได้เช่าซื้อรถยนต์พิพาทไปจากโจทก์จำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกัน จำเลยที่ 1 ผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อสัญญาเช่าซื้อเป็นอันเลิกกัน จำเลยที่ 1 ไม่ส่งมอบรถยนต์พิพาทคืนโจทก์ โจทก์จึงติดตามกลับคืน เป็นเหตุให้โจทก์เสียหาย ขาดประโยชน์อันควรได้จากการนำออกให้เช่า ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการติดตามรถยนต์พิพาท และเมื่อนำรถยนต์พิพาทออกขายได้ราคาไม่ครบถ้วนตามจำนวนค่าเช่าซื้อ ค่าเสื่อมสภาพของรถ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ให้การว่า สัญญาเช่าซื้อรถยนต์พิพาทระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 เลิกกัน โดยจำเลยที่ 1 ได้โอนสัญญาเช่าซื้อให้บุคคลผู้มีชื่อโดยผู้มีชื่อได้ทำสัญญากับโจทก์แล้ว โจทก์ไม่ได้รับความเสียหายตามฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในปัญหาว่า สัญญาเช่าซื้อรถยนต์พิพาทระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 เป็นอันระงับไปแล้วหรือไม่ ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2526 จำเลยที่ 1 ได้ติดต่อกับโจทก์เพื่อขอโอนสิทธิการเช่าซื้อรถยนต์พิพาทให้แก่นายดำรงค์ได้มีการทำหนังสือโอนสัญญาเช่าซื้อรถยนต์พิพาทโดยโจทก์ให้ใช้แบบพิมพ์ของโจทก์ และโจทก์ยังได้ให้นายดำรงค์ลงลายมือชื่อในแบบพิมพ์สัญญาเช่าซื้อโดยไม่มีการกรอกข้อความ ทั้งในวันดังกล่าวจำเลยที่ 1 ก็ได้ชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างและค่าเช่าซื้อล่วงหน้าของผู้รับโอนสัญญาเช่าซื้ออีก 1 เดือน รวมเป็นเงิน 75,000 บาทให้แก่โจทก์ โดยจ่ายเป็นเช็คของนายดำรงค์ รวมทั้งค่าธรรมเนียมการโอนสัญญาเช่าซื้อรถยนต์พิพาทและค่าอากรรวมเป็นเงิน 2,927 บาทให้แก่โจทก์รับไปถูกต้องตามประเพณีปฏิบัติในการโอนสิทธิตามสัญญาเช่าซื้อของโจทก์แล้ว อันถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ปฏิบัติถูกต้องตามสัญญาเช่าซื้อ ประกอบกับในวันเดียวกันนั้นนายดำรงค์ก็ได้ทำแบบยื่นขอทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์พิพาทกับโจทก์ โจทก์ก็รับไว้พฤติการณ์เช่นนี้เห็นได้ว่า จำเลยที่ 1 น่าจะได้คืนรถยนต์คันที่เช่าซื้อให้แก่โจทก์แล้วในวันดังกล่าว มิฉะนั้นโจทก์คงจะไม่ยินยอมให้มีการตกลงโอนสิทธิตามสัญญาเช่าซื้อกันดังกล่าวข้างต้น ฉะนั้นการที่จำเลยที่ 1 ผู้เช่าซื้อได้ส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนแก่โจทก์ผู้ให้เช่าซื้อ ถือได้ว่า จำเลยที่ 1 ได้บอกเลิกสัญญาเช่าซื้อแก่โจทก์แล้ว ดังนั้นไม่ว่าการแปลงหนี้ใหม่ระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 จะได้ทำถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ สัญญาเช่าซื้อก็เป็นอันเลิกกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 573 นับแต่วันที่จำเลยที่ 1 ส่งมอบรถยนต์พิพาทคืนโจทก์แล้ว จำเลยทั้งสองจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ตามฟ้อง ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.