โจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288และริบของกลาง
จำเลยให้การต่อสู้อ้างเหตุป้องกัน
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 72 ให้ลงโทษจำคุก 6 ปี คำให้การจำเลยในชั้นพิจารณาเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดีอยู่บ้าง จึงลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยมีกำหนด 4 ปี ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ กระสุนปืนของกลางมิใช่ทรัพย์สินซึ่งบุคคลได้ใช้ในการกระทำความผิด จึงไม่ริบ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "พิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์และจำเลยแล้วข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2527เวลาประมาณ 16 นาฬิกา นายสุวิทย์ สว่างจิตต์ ผู้ตายซึ่งเป็นช่างกรมชลประทานประจำเขื่อนทุ่งขาม ตำบลนายาง อำเภอชะอำจังหวัดเพชรบุรี มีอาการเมาสุราได้ไปคุยและเกิดโต้เถียงต่อสู้กับจำเลยที่ชั้นล่างของบ้านพักจำเลยภายในบริเวณเขื่อน จำเลยได้ใช้อาวุธปืนสั้นขนาด .22 ของจำเลยยิงถูกผู้ตายที่เหนือคิ้วซ้ายกระสุนปืนฝังในถึงแก่ความตาย คดีมีปัญหาว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องหรือไม่...เห็นว่า ตามพฤติการณ์ที่ผู้ตายมีอาการเมาสุราเข้าไปก่อเหตุ ด่าว่าจำเลยถึงในบ้านด้วยถ้อยคำหยาบคาย และใช้อาวุธปืนลูกซองยาวยิงจำเลยก่อน 1 นัด แล้วต่างยื้อแย่งอาวุธปืนสั้น จำเลยใช้อาวุธปืนที่แย่งมาได้ยิงผู้ตายซึ่งไม่มีอาวุธใดอยู่ในมือ ขณะนั้นแม้ไม่มีภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงต่อจำเลยอันจะทำให้จำเลยอ้างเหตุป้องกันตนโดยชอบด้วยกฎหมายได้ก็ตาม แต่จำเลยก็ได้ใช้ปืนยิงผู้ตายเพราะเหตุผู้ตายกระทำการอันถือได้ว่าเป็นการข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมและจำเลยยิงผู้ตายในเวลาต่อเนื่องกัน จึงเป็นการกระทำผิดโดยบันดาลโทสะ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 ดังที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยลงโทษจำเลย..."
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.