โจทก์ฟ้องว่า ขณะที่โจทก์กำลังจำหน่ายตั๋วและผู้ดูกำลังผ่านประตูเพื่อเข้าชมภาพยนต์ ณ โรงภาพยนต์ของโจทก์ เจ้าพนักงานคณะกรรมการตรวจสอบภาษีอากรได้ตรวจพบตั๋วซึ่งปิดอากรมหรศพครบถ้วน แต่ยังไม่ได้ฉีกให้อากรมหรศพขาดสองท่อน รวม ๓๘๗ ฉบับ จึงสอบสวน โจทก์แล้วส่งเรื่องให้จำเลยผู้เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่อากรมหรศพวินิจฉัยสั่งปรับหรือเรียกอากรเพิ่มอากรมหรศพคิดตามรายตัวผู้ดูหรือ รายตั๋ว ๓๘๗ ฉบับ ๆ ละ ๒๕ บาท เป็นเงิน ๙,๖๗๕ บาท กับเงินภาษีเทศบาลอีกร้อยละสิบเป็นเงิน ๙๖๗.๕๐ บาท รวมเป็นเงิน ๑๐,๖๔๒.๕๐ บาท โจทก์เห็นว่าคำวินิจฉัยของจำเลยขัดกับประมวลรัษฎากร มาตรา ๑๓๘ ทวิ เพราะตั๋วราคา ๗ บาท ต้องเสียอากรมหรศพและภาษีเทศบาลฉบับละ ๒.๕๐ บาท ๓๘๗ ฉบับ รวมเป็นอากรที่ต้องเสีย ๙๖๗.๕ บาท โจทก์ต้องรับผิดเสียเพิ่มเป็น ๒ เท่าเป็นเงินอากรเพิ่ม ๑,๙๓๕ บาท กับภาษีเทศบาลอีก ๑๙๓.๕๐ บาท รวมเป็น ๒,๑๒๘.๕๐ บาท เท่านั้น ไม่ใช่ต้องเสียอากรเพิ่มคิดเป็นรายตั๋วหรือรายตัวผู้ดู ฉบับละ ๒๕ บาท เป็นเงิน ๑๑,๖๔๒.๕๐ บาท ตามคำสั่งจำเลย ขอให้พิพากษาว่าคำสั่งของจำเลยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และให้โจทก์ชำระอากรเพิ่มเพียง ๒,๑๒๘.๕๐ บาท
จำเลยให้การว่า คำสั่งของจำเลยชอบแล้ว
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า คำสั่งของจำเลยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้โจทก์ชำระเงินเพิ่มให้แก่จำเลยเพียง ๒,๑๒๘.๕๐ บาท
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาปรึกษาคดีในที่ประชุมใหญ่แล้ว เห็นว่า มาตรา ๑๓๒ แห่งประมวลรัษฎากรบัญญัติให้เสียอากรมหรศพเป็นรายตัวผู้ดู และมาตรา ๑๓๘ มีความหมายว่า เมื่อได้รับตั๋วจากผู้ดูแต่ละครั้ง ก็ต้องฉีกตั๋วทันทีทุกครั้ง หาใช่เก็บรวมกันไว้แล้วมารวมฉีกในคราวเดียวกันไม่ หาไม่ฉีกตั๋วอันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา ๑๓๘ ครั้งใด เจ้าของก็ต้องรับผิดเสียเงินอากรเพิ่มโดยคำนวณเงินจากตั๋วเป็นรายตัวผู้ดูซึ่งมิได้ฉีกตั๋วในครั้งนั้นตามมาตรา ๑๓๘ ทวิ ตามข้อเท็จจริง โจทก์ไม่ได้รับตั๋วไว้จากผู้ดูในขณะเดียวพร้อมกันทั้ง ๓๘๗ ฉบับและมิได้ฉีกตั๋วแต่ละครั้งขณะที่ได้รับจากผู้ดู ถือได้ว่าการกระทำของโจทก์เป็นความผิดสำเร็จแล้วแต่ละครั้ง แม้จะเป็นไปในเวลาใกล้ชิดติดต่อกันก็เป็นการกระทำผิดหลายครั้งต่างกรรมต่างวาระกัน เมื่อการไม่ฉีกตั๋วแต่ละครั้งเป็นความผิดสำเร็จครบถ้วน โจทก์ก็มีหน้าที่ต้องรับผิด เสียเงินอากรเพิ่มตามมาตรา ๑๓๘ ทวิ เป็นจำนวน ๒ เท่า ของเงินอากรที่ต้องเสียสำหรับตั๋วแต่ละฉบับ หรือเป็นเงิน ๒๕ บาท แล้วแต่อย่างใดจะมากกว่า ปรากฎว่าจำนวน ๒ เท่าของอากรที่ต้องเสียนี้มีจำนวนน้อยกว่า ๒๕ บาท ฉะนั้น คำสั่งของจำเลยที่ให้โจทก์เสียเงินอากรเพิ่มติดตามรายตัวผู้ดูหรือรายตั๋วฉบับละ ๒๕ บาท กับเงินภาษีเทศบาลรวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๑๐,๖๔๒.๕๐ บาท จึงชอบด้วยมาตรา ๑๓๘ ทวิแล้ว พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
อนึ่งศาลชั้นต้นเรียกค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาโดยคำนวณจากทุนทรัพย์ ๑๐,๖๔๒.๕๐ บาท แท้จริงทุนทรัพย์ที่โจทก์ขอให้ปลดเปลื้องทุกข์มีจำนวนเพียง ๘,๕๑๔ บาทเท่านั้น ศาลฎีกาจึงให้ศาลชั้นต้นคืนส่วนที่เรียกเกินให้โจทก์ด้วย