คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 มาตรา 246 วรรคหนึ่ง และริบรถกระบะของกลาง
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งคืนรถกระบะของกลางแก่ผู้ร้อง
โจทก์ยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2561 ศาลชั้นต้นพิพากษาริบรถกระบะของกลาง จำเลยไม่ได้ขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์และไม่ได้ใช้สิทธิอุทธรณ์ โจทก์ขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ และศาลชั้นต้นอนุญาตถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2561 โจทก์ไม่ได้ใช้สิทธิอุทธรณ์ภายในเวลาที่ขยายไว้ ผู้ร้องยื่นคำร้องขอคืนรถกระบะของกลางเมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2563
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องว่า ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษายกคำร้องของผู้ร้องมานั้นชอบหรือไม่ เห็นว่า การขอคืนของกลางตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36 ซึ่งเจ้าของแท้จริงมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด ย่อมมีสิทธิขอคืนต่อศาลได้ภายในหนึ่งปี นับแต่วันคำพิพากษาถึงที่สุด เมื่อศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้ริบรถกระบะของกลางในคดีหมายเลขแดงที่ 5333/2561 เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2561 จำเลยย่อมใช้สิทธิอุทธรณ์ได้ถึงวันที่ 1 พฤศจิกายน 2561 สิทธิที่ผู้ร้องจะขอคืนของกลางต่อศาลภายในหนึ่งปีนับแต่วันคำพิพากษาถึงที่สุดจึงต้องนับแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2561 ผู้ร้องมายื่นคำร้องในคดีนี้ขอคืนรถกระบะของกลางเมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2563 จึงเป็นการยื่นคำร้องเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งปีนับแต่วันคำพิพากษาถึงที่สุดต้องห้ามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษายกคำร้องของผู้ร้องมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น และไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาข้ออื่นของผู้ร้องเพราะไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงไป
พิพากษายืน