โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายอาญามาตรา ๑๓๑,๓๑๙,๖๓  และที่แก้ไข  พ.ศ.๒๔๗๗  ฉะบับที่ ๓ มาตรา ๓  ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันให้ยกฟ้อง  โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้ศาลล่างทั้ง ๒ ฟังข้อเท็จจริงต้องกันมาว่า  จำเลยเป็นข้าราชการตำรวจมีพิรุธว่าทำการยักยอกผู้บังคับบัญชาสั่งตั้งกรรมการสอบสวน  กรรมการได้เสนอความเห็นขึ้นไปตามลำดับว่าควรจัดการฟ้องดังนี้   ศาลฎีกาจำต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมา  ปัญหามีว่าพนักงานอัยยการจะยื่นฟ้องจำเลยตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญามามาตรา  ๑๒๐ ได้หรือยัง  ศาลฎีกาเห็นว่า การสอบสวนตามมาตรา ๑๒๐ นี้ต้องสอบสวนโดยพนักงานสอบสวนตามที่ระบุไว้ในประมวลวิธีพิจารณาอาญามาตรา ๒(๖)  ประกอบด้วยมาตรา ๑๘  แต่ศาลล่างฟังข้อเท็จจริงมาว่าคดีนี้ผู้ทำการสอบสวนได้สอบสวนในฐานะเป็นกรรมการที่ผู้บังคับบัญชาแต่งตั้ง  ก็ไม่มีทางที่ศาลนี้จะฟังว่าได้สอบสวนในฐานะเป็นพนักงานสอบสวนตามมาตรา ๒(๖)   และมาตรา ๑๘ ได้อย่างไร  ทั้งการวินิจฉัยของศาลล่างก็เป็นการวินิจฉัยมาจากพะยานหลักฐานในสำนวน  คดีนี้จึงยังไม่มีการสอบสวนในความผิดที่จะฟ้องร้องเอาโทษแก่จำเลยได้ตามมาตรา ๑๒๐  ฟ้องจึงไม่เป็นฟ้องที่ควรรับไว้พิจารณา  พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ให้ยกฎีกาโจทก์