โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีอาวุธปืนลูกซองสั้น 1 กระบอก กระสุนปืน 4 นัดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกอาวุธปืนดังกล่าวไปในทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามควรแก่กรณี ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72,72 ทวิ ฯลฯ และริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้อง จำเลยอายุไม่เกิน 14 ปี ไม่ต้องรับโทษ แต่ศาลเห็นสมควรให้ส่งตัวไปฝึกอบรมที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กกลางมีกำหนด 3 ปี ของกลางริบ
จำเลยอุทธรณ์ว่า จำเลยอยู่กับมารดามีภูมิลำเนาอยู่ในเขตกรุงเทพมหานครแต่โจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลจังหวัดนนทบุรี จึงเป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นไต่สวนว่า จำเลยมีถิ่นอยู่ปกติในที่ใด แล้วศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยมีถิ่นที่อยู่ปกติในกรุงเทพมหานคร โจทก์ต้องฟ้องจำเลยต่อศาลคดีเด็กและเยาวชนกลาง พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มารดาจำเลยพาจำเลยย้ายจากตำบลบุคคโลจังหวัดธนบุรี มาอยู่ในซอยศิริชัย จังหวัดนนทบุรี ตั้งแต่จำเลยยังเล็ก แต่ไม่ได้แจ้งย้ายทะเบียนบ้าน เมื่อจำเลยโตขึ้นก็ได้ประกอบอาชีพรับจ้างเป็นเด็กกระเป๋ารถยนต์สองแถววิ่งระหว่างนนบุรีกับเตาปูน และอยู่กินหลับนอนกับนายจ้างในเขตจังหวัดนนทบุรีตลอดมาจนถูกจับเป็นผู้ต้องหาคดีนี้ แม้นางจี๊ดมารดาจำเลยได้สามีใหม่มารดาจำเลยและจำเลยได้แจ้งย้ายไปอยู่บ้านเลขที่ 30/2 หมู่ที่ 11 ตำบลบางหว้า อำเภอภาษีเจริญ กรุงเทพมหานครและแม้จำเลยไปเยี่ยมมารดาทุกอาทิตย์บางครั้งนอนค้างกับมารดาก็เพียงไปเยี่ยมมารดาเป็นครั้งคราวเท่านั้น ดังนั้น ถิ่นที่อยู่ปกติของจำเลยจึงอยู่ในเขตจังหวัดนนทบุรี และถิ่นที่อยู่ปกติของจำเลยหาใช่เป็นที่แห่งเดียวกับภูมิลำเนาของจำเลยไม่ โจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลจังหวัดนนทบุรีจึงชอบแล้วกรณีไม่ต้องด้วยมาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีเด็กและเยาวชนพ.ศ. 2494
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น